ตรวจสอบ “น้ำท่วมรถ” ประกันจ่ายกี่บาท?
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
รู้หรือยัง “น้ำท่วมรถ” แบ่งจ่ายตามความเสียหาย 5 ระดับ A-E จากการแบ่งของ สำนักงาน คปภ. ประกันคุ้มครองอย่างไรบ้าง และกรณีไหนที่ประกันไม่จ่าย
29 กันยายน 2564 จากอิทธิพลพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ในประเทศไทย ทำให้ฝนตกชุก และในหลายพื้นที่มีน้ำท่วมฉับพลัน นอกจากไร่นาจมบาดาล บ้านเรือนได้รับความเสียหาย “น้ำท่วมรถ” ก็เป็นอีกหนึ่งความเสียหายที่มาพร้อมกับวิกฤติน้ำท่วมทุกครั้ง
คนมีรถยนต์ต้องรู้ เกี่ยวกับ "ประกันภัยรถยนต์" ที่ซื้อไว้คุ้มครองแบบไหน ขั้นตอนการเคลมประกัน เมื่อเกิดเหตุการณ์ "น้ำท่วมรถ" ต้องใช้เอกสารหลักฐานอะไรบ้าง เนชั่น ออนไลน์ มัดรวมทุกขั้นตอนมาไว้ที่นี่ เพื่อให้ผู้ประสบอุทกภัยได้รับความช่วยเหลืออย่างครบถ้วน
ความคืบหน้าทาง สำนักงาคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ติดตามเตรียมพร้อมความในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยเฉพาะรถยนต์ที่มักจะได้รับความเสียหายเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม
มาตรฐานการซ่อมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม แบ่งเป็น 5 ระดับ คือ
- ระดับ A น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์ ประเมินค่าซ่อม 8,000-10,000 บาท
- ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง ประเมินค่าซ่อม 15,000-20,000 บาท
- ระดับ C น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท
- ระดับ D น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 30,000 บาทขึ้นไป
- ระดับ E รถยนต์จมน้ำทั้งคัน ซึ่งในกรณีนี้บริษัทจะคืนทุนประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัย
กรมธรรม์ประกันภัย แบบไหนให้ความคุ้มครอง "น้ำท่วมรถ"
- ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ให้ความคุ้มครองกลุ่มภัยธรรมชาติอีก 4 ภัย (น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหวและลูกเห็บ) รวม 20,000 บาทต่อปี
- ประกันภัยชั้น 2+ (บางแพกเกจ)
- ประกันภัยชั้น 3+ (บางแพกเกจ)
“โตโยต้า ลีสซิ่ง” ได้ให้รายละเอียด “น้ำท่วมรถ” แม้จะมีประกันแต่ก็ไม่สามารถเคลมประกันได้ทุกกรณี เพราะความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม บริษัทประกันภัยจะต้องพิจารณาด้วยว่า เข้าข่ายที่จะได้รับความคุ้มครองหรือไม่
"น้ำท่วมรถ" แบบไหน ประกันจ่าย
- เกิดจากภัยธรรมชาติจนน้ำเข้ารถเสียหาย เช่น จอดรถอยู่หน้าบ้านแต่ฝนตกลงมาอย่างหนักช่วงกลางคืนจนน้ำท่วม หรือเกิดน้ำหลากจนไม่สามารถย้ายรถหนีได้ทัน เป็นต้น
- รถติดอยู่บนถนน โดยไม่สามารถขยับไปไหนได้ ในขณะที่มีฝนตกหนักจนน้ำท่วมตัวถังรถและทำให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งถือเป็นเหตุสุดวิสัย
"น้ำท่วมรถ" แบบไหน ประกันไม่จ่าย
- เจ้าของรถประมาท หรือจงใจให้รถตกอยู่ในสถานการณ์น้ำท่วมจนเกิดความเสียหาย เช่น ขับรถไปในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการทำให้รถเสียหายจากน้ำท่วม แม้จะมีป้ายเตือน หรือมีประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้า เป็นต้น
- สตาร์ทรถเมื่อรถอยู่ในสภาพที่ถูกน้ำท่วมไปแล้ว เพราะพิจารณาว่าผู้เอาประกันเจตนาสตาร์ทรถ ทั้งที่อาจทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายได้
ขั้นตอนการเคลมประกัน มีอะไรบ้าง
- ถ่ายรูปรถขณะที่ยังมีน้ำท่วมขัง โดยถ่ายให้เห็นทะเบียนรถ (กรณีที่ไม่ได้ท่วมมิดคัน) เพื่อใช้เป็นหลักฐานว่ารถคันที่เกิดเหตุมีเจ้าของเป็นผู้เอาประกันตามกรมธรรม์
- โทรแจ้งบริษัทประกันภัย เพื่อตรวจสอบกรมธรรม์ และแจ้งทำเคลมทางโทรศัพท์ จากนั้นรอเจ้าหน้าที่ประสานงานให้ความช่วยเหลือเรื่องรถยก รถลาก
- นัดหมายตรวจสอบสภาพความเสียหายของรถกับเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัย ก่อนนำรถเข้าซ่อม
- รอนำรถเข้าซ่อมที่อู่กลาง หากสภาพรถยังสามารถซ่อมให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ หรือมีค่าเสียหายไม่เกิน 70 เปอร์เซ็นต์ของทุนประกัน
สงสัยหรือมีปัญหาไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านประกันภัย สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186 หรือติดต่อได้โดยตรง ณ สำนักงาน คปภ. ภาค/จังหวัด ทั่วประเทศ