ศบค. เผย 11 ต.ค. สถานการณ์ดีขึ้น มีผ่อนคลายแน่นอน เผย 11 จว.ฉีดวัคซีนเกิน 50 %

29 กันยายน 2564  แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ประจำวันที่ 29 กันยายน ว่า ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 28 ของโลก ประเทศในเอเชีย พบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ปากีสถาน ญี่ปุ่น บังคลาเทศ ไทย อัตราป่วยต่อประชากร 1 ล้านราย สหรัฐอเมริกา 132,134 ราย สหราชอาณาจักร 113,221 ราย มาเลเซีย 67,534 ราย อินเดีย 24,137 ราย ไทย 22,735 ราย ฟิลิปปินส์ 22,650 ราย และอินโดนีเซีย 15,198 ราย ส่วนอัตราการตายต่อประชากร 1 ล้านราย สหรัฐอเมริกา 2,133 ราย สหราชอาณาจักร 1,996 ราย มาเลเซีย 789 ราย อินโดนีเซีย 511 ราย ฟิลิปปินส์ 338 ราย อินเดีย 321 ราย และไทย 237 ราย

ผู้ป่วยรายใหม่ 10,414 ราย แบ่งเป็น ติดเชื้อในประเทศ 10,226 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 ราย จากเรือนจำที่ต้องขัง 178 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,562,966 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,591,829 ราย หายป่วยแล้ว 11,580 ราย หายป่วยสะสม 1,432,360 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 122 ราย เสียชีวิตสะสม 16,526 ราย คิดเป็น 1.06% ผู้ป่วยรักษาอยู่ 115,423 ราย ในโรงพยาบาล 35,628 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 79,795 ราย อาการหนัก 3,232 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 729 ราย

ส่วนตัวเลขการตรวจแบบ ATK ทั้งประเทศประมาณ 100,000 ราย จำนวนการรายงานผลบวกติดเชื้ออยู่ที่ 3-5% และของวันนี้ (29 ก.ย.) อยู่ที่ 4% หรือ 4,000 ราย ยกเว้นในส่วนของจังหวัดชายแดนใต้ ที่ผลการรตรวจแบบ ATK ค่อนข้างสูงในเขตสาธารณะสุขที่ 11,12 คิดเป็นประมาณ 10%

ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยผู้ติดเชื้อในชุมชน รายวันกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ต่างจังหวัด และภาพรวมทั้งประเทศระลอกเมษายน 2564 พบว่าต่างจังหวัด 67 จังหวัดคิดเป็น 59% กรุงเทพและปริมณฑลคิดเป็น 25% และที่ทางศบค. เป็นห่วง ที่มีการรายงานอย่างต่อเนื่องคือชายแดนใต้ที่กราฟสูงขึ้น คิดเป็น 16% ที่สอดคล้องกับการตรวจแบบ ATK ที่สูงขึ้น

ผู้รับวัคซีนแล้ว 50,867,498 โดส เข็มที่หนึ่งเพิ่มขึ้น 249,459 ราย สะสม 31,582,548 ราย เข็มที่สองเพิ่มขึ้น 422,848 ราย สะสม 18,098,882 ราย เข็มที่สามเพิ่มขึ้น 54,498 ราย สะสม 1,186,068 ราย ทั้งนี้จังหวัดที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรเกิน 50% ณวั นที่ 29 กันยายน มี 11 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ อยุธยา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก พังงา ภูเก็ต และระนอง ขณะที่ความครอบคลุม กลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ปี ฉีดได้ เกิน 70% มี 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา พังงา ภูเก็ต และระนอง

ทางกระทรวงสาธารณสุข สรุปให้เห็นว่า ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะเป็นผู้มีอายุน้อย 20-49 ปี แต่กลุ่มที่มีอาการป่วยหนักและเสียชีวิต คือกลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมทั้งมีโรคประจำตัว ดังนั้นขอเน้นย้ำที่ต้องเฝ้าระวังการสัมผัสใกล้ชิด ที่ทำให้คนวัยแรงงานวัยหนุ่มสาว ที่อาจติดเชื้อไม่มีอาการยังสามารถดำรงชีวิตตามปกติ แต่เมื่อไปสัมผัสกับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจจะทำให้คนกลุ่มนี้มีอาการป่วยหนักและเสียชีวิต จึงต้องเน้นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ที่เร่งระดมการฉีดวัคซีนให้ได้ในกลุ่มเป้าหมาย 608 (กลุ่ม 60 อัพ,7โรคกลุ่มเสี่ยง,ตั้งครรภ์)

นอกจากนี้กรมควบคุมโรค อย่างรายงานการติดเชื้อยังอยู่ในส่วนของชุมชน เช่น มีการรายงานโรงเรียนนายสิบ ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลายจังหวัดมีการรายงานติดเชื้อในล้งผลไม้ แรงงานต่างด้าว รวมทั้งโรงงาน และมีรายงานต่อเนื่องการติดเชื้อในงานศพ ซึ่งวันนี้มีรายงานที่จังหวัดจันทบุรี และสงขลา ทั้งนี้การจัดงานศพก็เพื่อแสดงการให้เกียรติแสดงความเคารพผู้เสียชีวิต แต่อยากให้ผู้จัดรักษามาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา พยายามงดการจัดเลี้ยงและรับประทานอาหารร่วมกัน เพราะจะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้การเปิดหน้ากากอนามัย และทำให้ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย ที่มาร่วมงานศพ อาจจะติดเชื้อและมีอาการรุนแรง นอกจากนี้ในวันที่ 4 ตุลาคม กำลังจะมีเทศกาลกินเจ ขอเน้นย้ำให้ทางจังหวัดตรวจสอบมาตรการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะโรงเจ ผู้ประกอบการ ต้องมีการจัดสถานที่ที่เหมาะสมมีมาตรการเฝ้าระวังการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด บุคลากรหรือผู้ที่ดำเนินการต้องใช้หลักการ COVID FREE SETTING

หรือ “โรงเจปลอดโควิด-19” เพื่อความปลอดภัย อาจต้องให้พนักงานฉีดวัคซีน มีการตรวจหาเชื้อด้วย ATK เพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมงาน ทั้งนี้เราต้องมาร่วมคิดร่วมสร้างจัดงานวิถีใหม่ เพราะงานศพ งานประเพณี งานแต่ง งานบวช ในระยะยาวคงไม่สามารถรอให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ จึงจะจัดงานได้ เราต้องหาวิธีกัน ว่าจะจัดอย่างไร ที่จะยังคงวัฒนธรรม ประเพณี ขณะเดียวกันก็ปลอดภัย สำหรับเจ้าภาพและแขกผู้มาร่วมงานด้วย ถือว่าเป็นสิ่งที่พวกเราจะต้องก้าวผ่านให้ได้กับวิถีชีวิตแนวใหม่

แพทย์หญิงอภิสมัย กล่าวว่า ทั้งนี้ข้อสรุปของศบค. ชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 27 กันยายน เน้นย้ำรายละเอียดข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 34 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. ได้มีการลงนามเรียบร้อยแล้ว โดยรอประกาศราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป  โดยตั้งแต่วันที่ 1-10 ตุลาคม ขอให้ทุกฝ่ายศึกษาข้อกำหนด และร่วมมือกันอย่างเต็มที่ และในวันที่ 11 ต.ค. ศปก.ศบค.  จะเริ่มพิจารณาหากเป็นไปในทิศทางที่ดีจะมีการผ่อนคลายเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน