เตรียมออกหมายเรียก "ป้าเป้า-ผู้ชุมนุมเผารถตร."

29 กันยายน 2564 พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงการนัดหมายชุมนุมในวันนี้ ของกลุ่มทะลุฟ้า นัดหมายเวลา 16.00 น. ที่แยกนางเลิ้ง เพื่อเคลื่อนไปหน้าทําเนียบรัฐบาล ขอเตือนว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ / พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ โดยได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมืองไว้แล้ว

ซึ่งจากการชุมนุมในวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา ของกลุ่มทะลุฟ้า ที่บริเวณแยกนางเลิ้ง มีการปิดการจราจรบางส่วน ปาถุงสี ยิงจรวดน้ำ ขึงป้ายผ้า รื้อแนวกั้น และขว้างปาสิ่งของต่างๆ ทั้ง ยิงหนังสติ๊ก ประทัด พลุไฟ ระเบิดต่างๆ ใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าบังคับใช้กฎหมาย จนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 9 คน เป็นเยาวชน 2 คน

ส่วนกลุ่มทะลุแก๊ส มีการปาระเบิดเพลิง ยิงพลุไฟใส่ขบวน รถของเจ้าหน้าที่ บริเวณแยกดินแดง จนได้รับความเสียหาย รวมทั้งสิ้น 8 คัน แบ่งเป็น เกิดเพลิงไหม้เสียหายทั้งคัน 2 คัน / และเกิดจากสะเก็ดระเบิด และทุบทำลายอีก 6 คัน อีกทั้งมีการขว้างปาระเบิดขวดใส่บริเวณป้อมจราจร ที่แยกปทุมได้รับความเสียหายอีกจำนวนหนึ่ง 

 เจ้าหน้าที่ได้ใช้ภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ทำให้สามารถจับภาพผู้ก่อเหตุเผารถเจ้าหน้าที่ได้ในระดับหนึ่ง เบื้องต้นพบผู้ก่อเหตุประมาณ 20 คน โดยใช้ระเบิดเพลิง ปาไปยังรถของเจ้าหน้าที่ก่อนหลบหนี ไปตามซอยต้นโพธิ์ เพื่อนำระเบิดเพลิง มาใช้ก่อเหตุเพิ่ม และหลบหนีกลับไปทางเดิมอีกครั้ง

ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างนำภาพดังกล่าวมาพิสูจน์ทราบตัวบุคคล ว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร ก่อนดำเนินการออกหมายเรียก หรือหมายจับต่อไป โดยเบื้องพบว่าผู้ก่อเหตุ คือกลุ่มวัยรุ่นที่มาร่วมชุมนุม ไม่ได้เป็นชาวดินแดงอย่างที่หลายคน ตั้งข้อสังเกต

ส่วนกรณีปรากฎภาพ “ป้าเป้า” เปลือยกาย ในการชุมนุมเมื่อวานนี้ ว่าเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการออกหมายเรียก เนื่องจากกระทำการอันขายหน้า เปิดเผยร่างกาย เบื้องต้นเป็นความผิด ตาม มาตรา 388 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ / พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ

ทั้งนี้ในส่วนของกรณีมีกลุ่มเผารถของเจ้าหน้าที่ อยู่ระหว่างสืบสวน เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ทราบตัวกลุ่มผู้กระทำผิดแล้วส่วนหนึ่ง เบื้องต้น 4-5 คน ของรถที่ถูกเผาจนได้รับความเสียหายทั้งคัน

อย่างไรก็ตามยืนยันว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่วันภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ เหตุก่อความวุ่นวายทั้งสองที่จะสิ้นสุดลง โดยเจ้าหน้าที่จะมีความเข้มข้นทางกฎหมายมากขึ้น และยังไม่จำเป็นต้องใช้กำลังทหารเข้ามาสนับสนุน

ในภาพรวมยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และเตรียมประสานกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมอื่นๆ เพื่อร่วมมือกัน มั่นใจจะไม่ถึงขั้นเกิดการจลาจลอย่างแน่นอน