svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

“นายอนุทิน” แจงชัด ขอให้ประชาชนมั่นใจ วัคซีนมีมากพอถึงสิ้นปี!

25 กันยายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“อนุทิน” นำปลัดสธ.-อธิบดีกรมควบคุมโรค” แถลงผลการฉีดวัคซีนทั่วไทย-แผนการฉีดวัคซีนระยะต่อไป ย้ำทุกวัคซีนนำเข้ามาเป็นของดี-มีประสิทธิภาพ ยันมีวัคซีน 125 ล้านโดสถึงสิ้นปี เพียงพอประชาชน ฉีดตั้งแต่เข็ม 1 เข็ม 2 พร้อมบูตเตอร์เข็ม 3 โวเดือนต.ค.ฉีดได้แบบก้าวกระโดด

ที่ กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงผลการฉีดวัคซีนทั่วไทย และแผนการฉีดวัคซีนระยะต่อไปตามเป้าหมายว่า วันที่ 24 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมาเป็น “วันมหิดล” ทุกปีกระทรวงสาธารณสุขจะจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ซึ่งเป็นพระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย

โดยในปีนี้ เราได้รณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีน เนื่องในวันมหิดลได้ครบ 1 ล้านโดสให้กับประชาชนทั่วไป

 

 

“นายอนุทิน” แจงชัด ขอให้ประชาชนมั่นใจ วัคซีนมีมากพอถึงสิ้นปี!

ทั้งนี้ ด้วยความร่วมมือร่วมใจตั้งใจของบุคลากรทางการแพทย์ และความร่วมมือที่ดีจากประชาชน ทำให้สามารถฉีดวัคซีนได้มากกว่า 1,350,0000 โดส แสดงให้เห็นถึงการมีประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่าหากทุกคนร่วมกันมาฉีดวัคซันป้องกันโรคแล้ว ศักยภาพของระบบสาธารณสุขพร้อมให้บริการกับทุกคนได้ ตอนนี้เราได้ฉีดวัคซีนสะสมทั่วประเทศเกิน 50 ล้านโดสแล้ว มีทั้งผู้รับวัคซีนเข็ม 1 เข็ม 2 และเข็ม 3 ซึ่งเมื่อวานเป็นการเริ่มให้วัคซีนเข็ม 3 กับประชาชนที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคสองเข็มแรกในช่วงเดือนมี.ค.ถึงมิ.ย. เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเพิ่มภูมิต้านทานอยู่ในระดับปลอดภัยรองรับการแพร่ระบาดสายพันธุ์เดลต้าได้

 

“นายอนุทิน” แจงชัด ขอให้ประชาชนมั่นใจ วัคซีนมีมากพอถึงสิ้นปี!

 

โอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนประชาชนที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มแล้ว ขอให้ลงทะเบียนนัดการฉีดวัคซีนบูตเตอร์เข็มที่ 3 เพื่อความปลอดภัยและเสริมภูมิคุ้มกันโรค เพื่อให้เกิดความอุ่นใจในการป้องกันโรคโควิด-19

 

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์วัคซีนจากนี้ถึงสิ้นปี 2564 นี้ ขอให้มั่นใจว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคได้จัดหาวัคซีนได้ตามเป้าหมายที่วางแผนไว้ทุกประการ เราจะมีวัคซีนทั้งสิ้น 125 ล้านโดสถึงเดือนธ.ค. และจากนี้จะเร่งทำการฉีดให้ครอบคลุมประชาชนคนไทยทุกคนในกลุ่มที่สามารถรับวัคซีนได้ เราจะฉีดให้ครบและครอบคลุมทุกกลุ่มประชากร

เพื่อเราจะได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติสุข สามารถดำเนินชีวิตเสริมสร้างรายได้ ผลักดันเศรษฐกิจ และเสริมสร้างสังคมให้เข้มแข็งกลับมาโดยเร็ว อย่างไรก็ตามกระทรวงสาธารณสุข และบุคลาการทางการแพทย์ มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นข้ารับใช้ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก

 

“นายอนุทิน” แจงชัด ขอให้ประชาชนมั่นใจ วัคซีนมีมากพอถึงสิ้นปี!

พวกเราจะสานต่อเจตนารมณ์ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท และสืบสานพระราชปณิธาน ไม่ได้มีความมุ่งหวังในลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ แต่เราตั้งใจให้ประชาชนทุกคนปลอดภัย มีสุขภาพที่ดี ห่างไกลโรค มีอายุยืนยาว สร้างความเป็นปึกแผ่นให้ตัวท่าน ครอบครัวและประเทศของเรา ตนขอบคุณคนไทยทุกคนที่ให้ความร่วมมือในการป้องกันโรค ขอให้ทุกคนปลอดภัยและอยู่ห่างจากการคุกคามของโรค ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ทุ่มเทเสียสละ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยป้องกันควบคุมโรค และฉีดวัคซีนให้กับประชาชนจนสุดความสามารถ พวกเราจะไม่ท้อถอยและตั้งใจต่อสู้กับโรคร้ายจนกว่าเราจะเอาชนะโรคนี้ได้ในที่สุด

 

“นายอนุทิน” แจงชัด ขอให้ประชาชนมั่นใจ วัคซีนมีมากพอถึงสิ้นปี!

“ยืนยันว่า วัคซีนจะทยอยเข้ามาจำนวนมากและเพียงพอ เร่งฉีดให้ครอบคคลุมกับประชาชนทุกกลุ่มได้ ส่วนวัคซีน mRNA หรือไฟเซอร์ ที่ทางรัฐบาลได้จัดซื้อมา 30 ล้านโดสจะทยอยเข้ามาสิ้นเดือนนี้จนถึงสิ้นปี โดยไฟเซอร์นี้จะฉีดให้กับลูกๆหลานๆที่มีอายุ12 ปีขึ้นไป ขอให้ผู้ปกครองพิจารณาและให้น้องๆเหล่านั้นมารับวัคซีน เพื่อให้พวกเขาได้ไปเรียนหนังสือ และเปิดการเรียนการสอนได้ปกติให้เร็วที่สุด กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนมีผลที่เป็นประโยชน์และคุ้มค่ามากกว่าการที่ไม่ได้รับวัคซีน โดยวัคซีนที่นำมาให้กับประชาชนทุกคน ทุกวัย ทุกปี มีประสิทธิภาพที่สูงในการป้องกันการคุกคามของโรคโควิดได้ ทั้งการติดเชื้อ แพร่เชื้อ การเจ็บป่วยและเสียชีวิต การมารับวัคซีนเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

“นายอนุทิน” แจงชัด ขอให้ประชาชนมั่นใจ วัคซีนมีมากพอถึงสิ้นปี!

 

เราได้รับความร่วมมือจากประเทศต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์อันดี ทั้งสหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ที่ได้บริจาควัคซีนจำนวนหนึ่งให้กับไทยมาตลอด ส่วน จีน ได้บริจาควัคซีนที่ผลิตในประเทศของเขามาให้เราด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมียืมวัคซีนจากประเทศสิงคโปร์และภูฏานที่ทำบันทึกข้อตกลงไว้อย่าชัดเจน

 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าปีหน้า วัคซีนที่เราจัดหาให้กับประชาชนจะมีเพียงพอแน่นอนและนำมาใช้ฉีดกระตุ้นภูมิไปเรื่อยๆจนกว่าสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น โรคโควิด-19 ก็จะลดความสามารถในการคุกคามประชาชน ลดความรุนแรง เพราะเรามีวัคซีนและมีมาตรการป้องกันที่ดี ทุกคนก็จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แนวโน้มทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

 

"ผมยืนยันว่าคณะแพทย์และบุคลาการทางการแพทย์ทุกคนยังมีความมุ่งมั่นตั้งใจทุ่มเท พร้อมทำงานเต็มที่เพื่อให้ประชาชนทุกคนปลอดภัย รวมถึงวัคซีน ยา เวชภัณฑ์ต่างๆ เรามีความพร้อมเสมอ และหวังว่าความร่วมมือของประชาชนจะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี" นายอนุทิน กล่าว

 

“นายอนุทิน” แจงชัด ขอให้ประชาชนมั่นใจ วัคซีนมีมากพอถึงสิ้นปี!

ขณะที่ทางด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นโยบายกระทรวงสาธารณสุขจะต้องดูแลเรื่องสุขภาพและการป้องกันโรคช่วงที่มีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่สร้างปัญหาให้กับประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้พวกเรารณรงค์สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนในวันมหิดล ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกันทำความดีส่งเสริมป้องกันโรคด้วยการฉีดวัคซันให้กับประชาชน เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันโรคในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งผลเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา สามารถฉีดวัคซีนได้ทั้งสิ้นทั่วประเทศ 1,300,677 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 841,769 โดส เข็มที่ 2 จำนวน 309,429 โดส และเข็มที่ 3 จำนวน 149,479 โดส โดยฉีดได้มากที่สุดคือกทม. รองลงมาคือชลบุรี  อุดรธานี และนครราชสีมาตามลำดับ ตอนนี้ประเทศไทยเดินได้มาถึงครึ่งทางแล้วสำหรับการฉีดวัคซีน โดยการฉีดวัคซีนสะสมทั้งประเทศได้ 50,080,565 โดส ซึ่งเข็มที่หนึ่งฉีดได้แล้ว 44.45 % ของจำนวนประชากร อย่างไรก็ตามยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขมีศักยภาพในความสามารถฉีดวัคซีน ถ้าเรามีวัคซีนอย่างเพียงพอ ซึ่งเราได้จัดหาวัคซีนถึงสิ้นปีนี้ให้ครอบคลุมประชากรมากกว่า 50 ล้านคน

  “นายอนุทิน” แจงชัด ขอให้ประชาชนมั่นใจ วัคซีนมีมากพอถึงสิ้นปี!

นอกจากนี้ ทางด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อวันนี้ (25 ก.ย.2564)  มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 11,975 ราย หายกลับบ้าน14,700 คน ทำให้ยอดผู้ที่รักษาหายแล้วทั้งหมดอยู่ที่ 1,408,602 ราย โดยแนวโน้มผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงเรื่อยๆ  ตอนนี้เรามีผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนัก 3,323 ราย และใช้เครื่องช่วยหายใจ 729 ราย ที่ลดลงตามลำดับเมื่อเทียบกับต้นเดือนก.ย.  สำหรับผู้เสียชีวิตวันนี้ 127 คน

 

ซึ่งทางกระทรวงฯจะพยายามลดจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตให้ได้มากที่สุด ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีนที่เราใช้ในตอนนี้ได้ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก และองค์การอาหารและยา มีประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนักและการเสียชีวิตที่ดีมาก

“นายอนุทิน” แจงชัด ขอให้ประชาชนมั่นใจ วัคซีนมีมากพอถึงสิ้นปี!

หากประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนได้มากเท่าไหร่ เราจะก็ลดสถานการณ์ความรุนแรงได้มากขึ้น ส่วนแผนการจัดหาวัคซีนในช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาเรามีวัคซีนมากขึ้น โดยเฉพาะดือนก.ย.และต.ค. จะมีการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะจะมีวัคซีนซิโนแวคเข้ามาในเดือนต.ค.อีก 6 ล้านโดส  แอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดส และไฟเซอร์8 ล้านโดส ทำให้ยอดรวมที่รัฐบาลจัดหามี 24 ล้านโดส และวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์มเข้ามาอีก 6 ล้านโดส

 

“นายอนุทิน” แจงชัด ขอให้ประชาชนมั่นใจ วัคซีนมีมากพอถึงสิ้นปี!

 

 

“หลังจากที่มีนโยบายปรับการฉีดวัคซีนสูตรไขว้นั้นทำให้ครอบคลุมการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ได้มากขึ้น ทั้งนี้เดือนธ.ค.เราจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้กับประชาชนได้ครบ 60 ล้านคน ส่วนวัคซีนเข็มที่ 2 จะได้ 52 ล้านคน  หากเราดำเนินการได้ตามเป้าหมายก็จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น และกลับมาชีวิตใกล้เคียงกลับปกติได้มากที่สุด แต่เมื่อเวลาผ่านไปวัคซีนทุกชนิด ภูมิคุ้มกันจะลดลง แม้ว่าจะช่วยป้องกันการเสียชีวิต แต่ประสิทธิภาพการป้องกันการติดเชื้ออาจจะลดลง จึงต้องฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 โดยคนที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็มไปแล้ว กระทรวงสาธารณสุขก็จะแจ้งนัดหมายมาฉีดกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันและลดโอกาสเสี่ยงการในการติดเชื้อ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารและให้ความร่วมมือมาฉีดเข็มที่ 3 หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนเชื่อว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ประเทศที่มีความปลอดภัยจากโควิดอีกประเทศหนึ่ง” นพ.โอภาส กล่าว

logoline