19 กันยายน วันนี้ในอดีต การเมืองไทย กับ ตัวเลขจีดีพี

19 กันยายน 2564 เป็นไปตามระบอบ “นักเคลื่อนไหวทางการเมือง”  ได้นำวันที่ "19 กันยายน" มาเป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง นับแต่เกิด "รัฐประหาร" ในค่ำคืนวันที่ 19 กันยายน 2549 โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เข้ายึดอำนาจรัฐบาลรักษาการ ดร.ทักษิณ ชินวัตร

ในปีนี้ 2546 ได้ประกาศนัดชุมนุมทางการเมือง มาในคอนเซ็ตป์ “CAR MOB ขับรถยนต์ชนรถถัง" เพื่อขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสครบรอบ 15 ปี นับจากการยึดอำนาจโดยพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เมื่อปี 2549

ย้อนกลับไป 15 ปีที่แล้ว การก่อรัฐประหาร มี "ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ" โดยหลังจากประกาศกฎอัยการศึก ตลาดหุ้นเปิดการซื้อขายวันแรก (21 ก.ย. 2549)  เงินบาทได้ลดค่าจาก 37.280 บาทต่อ ดอลลาร์อเมริกา USD เป็น 37.900 บาทต่อ ดอลลาร์อเมริกา เป็นการลดค่าในวันเดียวมากที่สุดในรอบ 3 ปี กองทุน Thai Fund Inc. ในตลาดหลักทรัพย์NYSE ได้ ลดค่า 10.9% ภายใน 2 วัน ดัชนี Nikkei ตกลงไปถึง 177.78 จุด หรือประมาณ 1.12% ก่อนที่จะกระเตื้องขึ้นก่อนปิดตลาดที่ 15874.28 จุด ส่วนที่ New York ดัชนี Dow Jones ร่วงไปถึง 14.09 จุด ปิดตลาดที่ 11540.91 จุด

ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ตัวเลข ปี 2549 ขยับขึ้นมานิดหน่อยเป็น 5.0% แต่แอบแฝงไปด้วยความอึมครึม จากการที่มีรัฐบาลมาจากการรัฐประหาร

ในปี 2557 "การรัฐประหารครั้งที่ 13"  วันที่ 22 พ.ค. โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร กระทบต่อมิติทางเศรษฐกิจไม่น้อย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

มีเหตุการณ์ที่ต้องจารึกทางเศรษฐกิจ คือ “ไทยถูกปรับลดอันดับไปอยู่ใน Tier 3 จากรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (US’s Trafficking in Persons Report: TIP Report) ของสหรัฐฯ” เมื่อเดือนมิถุนายน 2557 โดยกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ได้ให้ใบเหลืองเตือนไทยอย่างเป็นทางการ เนื่องจากไทยไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องการทำประมงผิดกฎหมายหรือ IUU Fishing ที่สอดคล้องกับหลักกฎหมายสากล โดยประเด็นที่ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษคือ การทำประมงโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือใช้เครื่องมือจับปลาที่ผิดกฎหมาย และปัญหาการใช้แรงงานทาส แม้การได้รับใบเหลืองจาก EU ในครั้งนั้นจะไม่ทำให้ไทยถูกระงับการนำเข้าอาหารทะเล แต่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศโดยตรง และทำให้การส่งออกอาหารทะเลไทยอยู่ในกรอบจำกัดพักหนึ่ง

ตัวเลขจีดีพี  ไตรมาสที่ 2/2564 จากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)  ขยายตัว 7.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

โดยเศรษฐกิจไทยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของการลงทุนรวม 8.1% ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการขยายตัว 27.5% สาขาอุตสาหกรรมขยายตัว  16.8% สาขาขนส่งขยายตัว 11.6% ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกขยายตัวได้ 2% ส่วนใหญ่เป็นการขยายตัวในภาคการส่งออก  การให้การบริการด้านอาหาร ขณะที่การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวโดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 1.5 แสนคน จากประมาณการเดิม 5 แสนคน 

15 ปี นับจากเกิดรัฐประหาร  และ 7 ปี นับจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จากการทำรัฐประหารในปี 2557 ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใน 2 ปีที่ผ่านมา ไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 พร้อมกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง  นอกจากจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนในประเทศหลายมิติ