เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564 นายสุจินต์ แสงแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ที่ตำบลป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ชาวบ้านส่วนใหญ่จะทำนาปลูกข้าวเป็นหลัก จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายคนต้องกลับมาตั้งหลักที่บ้าน หลังจากที่ถูกเลิกจ้างจากวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงคิดที่จะนำความรู้ที่เคยไปศึกษาอบรมเรื่องการเพาะเลี้ยงกบนาจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ มาต่อยอดสนับสนุนให้ชาวบ้านมีรายได้เลี้ยงตัว ในช่วงระหว่างรอหางานทำใหม่ ประกอบกับการเพาะเลี้ยงทำได้ง่ายไม่ต้องลงทุนสูง จึงเริ่มแจกพันธุ์ลูกกบนาจำนวน 30,000 ตัว ให้ชาวบ้านนำไปเพาะพันธุ์ต่อยอดให้เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ และส่งเสริมให้ชาวบ้านเพาะเลี้ยงกบนาอย่างครบวงจร ตั้งแต่ลูกอ๊อดจนถึงกบโต เพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่ม
การเลี้ยงกบนา เน้นให้ชาวบ้านเลี้ยงในพื้นที่ธรรมชาติ โดยให้แบ่งพื้นที่นามากั้นเป็นคอก แล้วนำลูกอ๊อดอายุประมาณ 2-3 วัน มาปล่อยโดยให้กินอาหารจากธรรมชาติ ผสมกับอาหารเสริมเพียงเล็กน้อย โดยจะใช้เวลาเพาะเลี้ยงประมาณ 14 วัน จนมีขนาดใหญ่ขึ้นและสีเริ่มเปลี่ยนจากดำเป็นสีน้ำตาล โดยชาวบ้านเรียกลูกกบขนาดนี้ว่า “ฮวกกบ” ก็สามารถจับมาจำหน่ายได้ ปัจจุบันจำหน่าย ฮวกกบในราคา กิโลกรัมละ 240 บาท ทำให้ชาวบ้านที่เพาะเลี้ยงฮวกกบ มีรายได้จากการเลี้ยงประมาณ 15,000 บาท ต่อรอบการเลี้ยง 14 วัน
สำหรับกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะจำหน่ายในชุมชนและหมู่บ้านใกล้เคียง เนื่องจากจำนวนฮวกกบที่เพาะเลี้ยงอยู่ในปัจจุบันยังมีไม่มากนัก ไม่เพียงพอต่อการจำหน่ายออกไปยังนอกพื้นที่ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการขยายพื้นที่ส่งเสริมให้ชาวบ้านเพาะเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
นอกจากจะส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยงฮวกกบแล้ว ขณะนี้ยังส่งเสริมให้ต่อยอดเลี้ยงเป็นกบนาขนาดใหญ่โดยใช้เวลาเพาะเลี้ยงประมาณ 2-3 เดือน จึงจำหน่ายได้ในราคากิโลกรัมละ 80 บาท ขณะนี้ได้เริ่มส่งเสริมให้ชาวบ้านนำกบขนาดใหญ่มาแปรรูปเป็นแหนมกบ เชื่อว่าเป็นเจ้าแรกในประเทศที่นำกบมาทำเป็นแหนม โดยจะสนับสนุนให้เป็นสินค้าประจำตำบลป่าเมี่ยงด้วย