เรือนจำอุดรติดโควิด42%แล้วและสั่งปิดตลาดเพิ่มถึง19ก.ย.
เรือนจำอุดรติดโควิด42เปอร์เซนต์แล้วและสั่งปิดตลาดเพิ่มถึง19ก.ย. ขณะที่วันนี้จังหวัดอุดรมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 109 ราย ติดเชื้อในจังหวัด 89 ราย นอกจังหวัด 20 ราย สะสม 10,440 ราย
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 กันยายน 2564 นายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว รอง ผวจ.อุดรธานี นายอุเทน หาแก้ว รอง สสจ.อุดรธานี พญ.สุรีรัตน์ วัชรสุวรรณเสรี อายุรแพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี และนายอธิกาญจน์ วงษ์ศรีวอ ผอ.ส่วนพัฒนา เรือนจำกลางอุดรธานี ร่วมแถลงสถานการณ์โควิด-19 พื้นที่อุดรธานี ผ่านโปรแกรม“ซูม”มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 109 ราย ติดเชื้อในจังหวัด 89 ราย นอกจังหวัด 20 ราย สะสม 10,440 ราย ผู้ป่วยหายกลับบ้านเพิ่ม 100 ราย หายป่วยสะสม 9,017 ราย เหลือรักษาตัวอยู่ 1,339 ราย ขณะผู้ป่วยในเรือนจำกลางอุดรเพิ่มอีก 462 ราย สะสม 2,148 ราย
นายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว รอง ผวจ.อุดรธานี กล่าวว่า อุดรธานีพบผู้ป่วยในจังหวัดเพิ่มขึ้น สูงกว่าผู้ป่วยที่มาจากนอกจังหวัด ทำให้ในพื้นที่ต้องมีมาตรการเข้ม ในส่วนของเรือนจำกลางอุดรธานี มีการควบคุมอยู่ภายในเรือนจำ ที่เกี่ยวข้องกับภายนอกคือ ผู้ที่พ้นโทษได้รับการปล่อยตัว จังหวัดจะรับตัวคนเหล่านั้นมากักตัว 14 วัน ที่ศูนย์โฮมฮัก มรภ.อุดรธานี และที่LQของตำบล และอำเภอภูมิลำเนาผู้พ้นโทษ ระหว่างกักตัวจะตรวจหาเชื้อ 3 ครั้ง ก่อนที่จะปล่อยกลับบ้าน ตั้งแต่ 27 ก.ย.64-ปัจจุบัน มีผู้พ้นโทษถูกกักตัวตรวจพบติดเชื้อ 16 ราย นำไปรักษาตัวที่ รพ.หมดแล้ว
นายอธิกาญจน์ วงษ์ศรีวอ ผอ.ส่วนพัฒนา เรือนจำกลางอุดรธานี แจ้งว่า ปัจจุบันเรือนจำกลางอุดรธานีมีนักโทษ 5,082 ราย เป็นหญิง 461 ราย ที่เหลือเป็นชาย มีแผนการรับมือโควิด-19 ในการเข้าออกของผู้คุมและนักโทษ การเตรียม รพ.สนามที่ศูนย์ฝึกอาชีพชาย 500 เตียง หญิง 100 เตียง พร้อมกับตรวจเชิงรุกPCRวันละ 100 คน เมื่อ 26 ส.ค.64 ตรวจคัดกรองพบนักโทษหญิงติดเชื้อ 2 คน จึงตรวจนักโทษหญิงทั้งหมด เมื่อพบการติดเชื้อเพิ่มได้เปิด รพ.สนาม มีบุคลากรทางการแพทย์จาก รพ.ศูนย์อุดรธานี มาตรวจรักษาตามมาตรฐาน
“เมื่อตรวจพบนักโทษชายติดเชื้อ ก็เร่งตรวจหาเชื้อนักโทษทั้งหมด ด้วยแนวทางค้นหาเร็ว-รับยาฟาวิฯทันที ผลการตรวจพบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ติดเชื้อถูกแยกเข้า รพ.สนาม คณะแพทย์ประเมินต้องใช้เตียง 3,000 เตียง หญิง 500 เตียง ชาย 2,500 เตียง ด้วยการขยาย รพ.สนามที่ 2 และขยายไปที่เรือนนอน ทำให้พื้นที่ไม่แออัดเกินไป ผลการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อ ได้รับแจ้งผลทุกวันต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้พบ 2,148 ราย หรือ 42 % ทั้งหมดเป็นผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ หรือเป็นผู้ป่วยสีเขียว มีผู้ป่วย 13 รายส่งไปที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี เพราะเป็นกลุ่มเสียงหญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยเรื้อรัง 7 โรค”
นายอธิกาญจน์ วงษ์ศรีวอ ผอ.ส่วนพัฒนา เรือนจำกลางอุดรธานี กล่าวต่อว่า คณะแพทย์ฯจาก รพ.ศูนย์อุดรธานี ตรวจรักษาดูแลอย่างใกล้ชิด ด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ติดตามโรค และเครื่องเอ็กซเรย์พระราชทาน 2 เครื่อง ทำการตรวจแล้วส่งประมวลผล กลับมาให้แพทย์วินิจฉัยการรักษา ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงตามมาตรฐาน เมื่อครบ 14 วันก็จะมีผู้หายป่วยถูกแยกออกมา โดยอาการเปิดเผยทางสาธารณะไม่ได้ ส่วนญาติพี่น้องที่มีความเป็นห่วงต้องการสอบถามอาการสามารถสอบถามได้ทางไลน์ หรือ เฟซบุ๊ก เรือนจำกลางอุดรธานี ขอให้มั่นใจว่าเราได้ดูแลญาติพี่น้องของท่านอย่างดี และเต็มกำลัง ซึ่งอีกไม่นานก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
นายอุเทน หาแก้ว รอง สสจ.อุดรธานี กล่าวว่า อุดรฯยังมีติดเชื้อในจังหวัดเพิ่มขึ้น ที่น่าเป็นห่วงคือคลัสเตอร์“ตลาดไทยอิสาณ”พบติดเชื้อเพิ่มอีก 22 ราย รวม 84 ราย เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่มีการซื้อสินค้าไปขายต่อที่อื่น ทั้งใน อ.เมือง และต่างอำเภอ เฉพาะในตลาดไทยอิสาณมี 57 ราย ที่เหลือกระจายไปที่แม่ค้าไก่ทอด-น้ำเต้าหู้ตลาดหนองขอนกว้าง รถพุ่มพวงตลาดหนองหาน ร้านแหนมคลุกตลาดนงนุช ร้านอาหารอีสานตลาดโพศรี ร้านส้มตำตลาดรถไฟ ก๋วยเตี๋ยวเร่บ้านหนองตูม และแผงขายไข่-ขนมจีน-ขนมหวาน ตลาด อ.เพ็ญ พื้นที่ไหนระบาดไปบุคคลอื่นจะต้องปิดสถานที่นั้นๆ
“สำหรับตลาดไทยอิสาณพบการติดเชื้อเป็นวงกว้างเจ้าของร้าน-แผง ลูกจ้าง และลูกค้า เคยมีคำสั่งปิดไปแล้ว 6 วัน หลายฝ่ายมีความเห็นร่วมกันว่ามีความจำเป็นต้องปิดยาวให้ครบกำหนด 14 วัน จึงมีคำสั่งปิดต่อเนื่องไปอีกถึง 19 ก.ย.64 เพื่อให้ตลาดปลอดเชื้อจริงๆ จึงจะกลับมาเปิดขายใหม่ หากเปิดในช่วงนี้ก็จะมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ยังไม่แสดงอาการ หรือยังไม่พบเชื้อ แต่สามารถแพร่เชื้อได้ ขอให้กักตัวให้ครบก่อนหากมาเปิดขายก็จะกลับมาติดเชื้อกันอีก โดยขอให้หยุดขายกันทั้งหมด ผู้ว่าฯได้ให้ฝ่ายปกครอง และ ทน.อุดรธานีมากำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายจริงจัง”
พญ.สุรีรัตน์ วัชรสุวรรณเสรี อายุรแพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี กล่าวว่า รพ.ศูนย์อุดรธานี ดูแลรักษาผู้ป่วยอยู่รวม 176 ราย เป็นผู้ป่วยอาการรุนแรง 25 ราย เป็นผู้ใส่ท่อช่วยหายใจ 5 ราย ใช้เครื่องออกซิเจนแรงดันสูง 20 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวมสะสม 84 ราย ประกอบด้วย หญิง อายุ 67 ปี เป็นผู้ป่วยโรคหัวใจ และชาย อายุ 40 ปี เป็นผู้ป่วยโรคหอบหืด และความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ยังดูแลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงหญิงตั้งครรภ์ 12 ราย และเด็กอีก 18 ราย ซึ่งกรณีเด็กบางรายจำเป็น ต้องแยกการรักษาจากครอบครัว
โดย - เศกสันติ กัลยาณวิสุทธิ์