วันนี้ (5 ส.ค.64) ที่ แยกอโศก การนัดหมายชุมนุมของกลุ่มนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ล่าสุด ได้มีการลงมาทำกิจกรรมบนถนนแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ทองหล่อ คอยดูแลความเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแผงรั้วเหล็กมา ปิดแยกอโศกฝั่งถนนอโศกมนตรีมุ่งหน้าแยกเพชรบุรีไม่ให้รถสัญจรผ่านไม่ให้ถนนผ่านเข้าออก
นายสมบัติ ระบุว่า การออกมาเคลื่อนไหวสืบเนื่องจากการลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ในรัฐสภาทั้งที่นายกรัฐมนตรีแสดงให้เห็นว่าไม่มีศักยภาพในการบริหารประเทศ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ประเทศตกต่ำ ที่น่าแปลกใจคือพรรคร่วมรัฐบาลสนใจแต่จะกินกล้วยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน ผลการลงมติไว้วางใจในครั้งนี้ขัดความเป็นจริงของสถานการณ์ประเทศ
การโหวตในครั้งนี้เป็นการตบหน้าประชาชน การชุมนุมในวันนี้จึงเป็นการแสดงปฏิกิริยาไม่ยอมรับการผลการลงมติในครั้งนี้ และจะออกมาชุมนุมทุกวันโดยใช้แยกอโศกเป็นป้อมค่ายในการทำกิจกรรม ในลักษณะมาเช้าเย็นกลับ ไม่ค้างคืน รวมถึงจากนี้จะเชิญชวนให้คนมาร่วมคาร์ม็อบจากนอกกทม.มาร่วมแสดงเชิญสัญลักษณ์บีบแตรไล่รัฐบาล เชื่อว่าหากประชาชนยังไม่ยอมแพ้สุดท้ายจะมีพลังมากพอที่จะต่อรองกับรัฐบาลได้
ต่อมาเวลา 16.20 น. ผู้กำกับสน. ทองหล่อได้เข้าเจรจากับนายณัฐวุฒิเพื่อขอให้ยุติกิจกรรมเนื่องจากขีดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่นายณัฐวุฒิยืนยันจะทำกิจกรรมต่อโดยจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและการสร้างสถานการณ์ อย่างไรก็ตามการชุมนุมในวันนี้ยังมีกลุ่มวีโว่และกลุ่มทะลุฟ้าประกาศมาร่วมกิจกรรมที่ด้วย
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวถึงการอภิปรายไม่วางใจและการลงมติไง้วางใจพลเอกประยุทธ์ ครั้งที่ผ่านมาทำให้เห็นถึงความขัดแย้งภายในของรัฐบาลจนเกิดกระแสข่าวใช้วิธีสกปรกในสภาเพื่อความตัวรอด แม้จะไม่พบหลักฐานแต่เชื่อว่าประชาชนที่ติดตามข่าวสามารถรับรู้ได้ ดังนั้นแม้พลเอกประยุทธ์ จะยังสามารถทำหน้าที่ต่อได้แต่สำหรับประชาชนพลเอกประยุทธ์ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีอีกต่อไป
โดยหลังจากนี้จะมีการชุมนุมเพื่อให้สอดคล้องกับการขับไล่พลเอกประยุทธ์ โดยจากการประเมินสถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมาท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด การเคลื่อนไหวต่อไปจะมีการปรับรูปแบบโดยให้นายสมบัติปักหลักรับมวลชนอยู่แยกอโศก
ส่วนตนเองจะไปนำมวลชนจากเส้นทางต่างๆ เคลื่อนขบวนคาร์ม็อบโดยมีจุดนัดหมายที่แยกอโศกตั้งแต่เวลา 16.00-20.00น. ซึ่งเป็นการเคลื่อนขบวนเพื่อรอวันนัดหมายใหญ่อีกครั้ง เหตุผลที่ต้องปรับรูปแบบการทำกิจกรรมเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นอุปสรรคต่อการพักค้างคืนไม่สามารถทำให้มวลชนทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดเข้ามาอยู่ยาวได้
ส่วนการนัดหมายชุมนุมใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อไรนั้น ขอประเมินสถานการณ์หลังปรับรูปแบบการณ์ชุมนุมอีกครั้ง