จับตา!!!ข้อเท็จจริงเปลี่ยน "คดีผกก.โจ้"พลิก?

27 สิงหาคม 2564 ข้อสังเกตที่เริ่มมีสัญญาณแปลกในคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล “ผู้กำกับโจ้” ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีอาญาร่วมกับผู้ต้องหาอีกรวม 7 คน ใน 3 ข้อหาหลักคือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้ผู้อื่นเสียหาย ร่วมกันข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย หลังจากถูกร้องเรียนว่าทำร้ายร่างกายโดยการทรมานนายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ วัย 24 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อเรียกเงินจำนวน 2 ล้านบาท ด้วยการใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะจนผู้ต้องหาเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็คือ 

1.ข้อมูลจากคนใกล้ชิดของผู้กำกับโจ้ เพื่อนร่วมรุ่น เพื่อนร่วมงาน กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ว่า เหตุการณ์ใช้ถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดียาเสพติดนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นการพยายามรีดข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติดล็อตใหญ่ ไม่ใช่การกระทำทรมานเพื่อรีดเงินอย่างที่สังคมเข้าใจ

2.คำให้สัมภาษณ์ของ พลตำรวจเอก สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร. นายตำรวจที่คุมคดีนี้ ก็พูดไปในทำนองเดียวกัน 

3.ทิศทางการสืบสวนและข้อมูลที่ปรากฏ ชี้ไปในทำนองว่า มีการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดจริง จากนั้นก็ควบคุมตัวมายัง “บ้านกาแฟ” ซึ่งเป็นเซฟเฮาส์ของชุดปราบปรามยาเสพติดที่ “ผู้กำกับโจ้” ตั้งขึ้น แล้วจึงมีการข่มขู่บังคับให้เปิดปากบอกข้อมูลสำคัญบางอย่าง ซึ่งไม่ใช่การรีดเงิน 

4.สอดคล้องกับเนื้อหาในคลิปวีดีโอ ปฏิบัติการ “คลุมถุงหัว” ว่าเสียงพูดที่ออกมาในคลิป ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการรีดเงิน แต่เป็นการหา “ของ” บางอย่าง ซึ่งน่าจะหมายถึง “ยาเสพติดล็อตใหญ่” 

5.“คำร้องฝากขังและคัดค้านประกันตัว” ของตำรวจที่ยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อฝากขังผู้ต้องหา 5 คน ซึ่งก็คือ “ทีมงานของผู้กำกับโจ้” ว่ามีการจับผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติด เป็น “ไอซ์” จริง จากนั้นจึงคุมตัวมาที่ “บ้านกาแฟ” แต่

ประเด็นนี้แม้ พลตำรวจเอก สุชาติ จะตั้งข้อสังเกตว่า ไม่มีการออกหมายจับ หรือทำบันทึกจับกุม แต่ก็เป็นไปได้ที่ตำรวจจะไปจับผู้ต้องหามาก่อน แล้วแจ้งข้อหา พร้อมขออนุมัติออกหมายจับย้อนหลัง (แม้จะไม่ค่อยถูกต้องนักก็ตาม แต่หากเป็นเหตุเฉพาะหน้า เช่น ไปเจอตัวพอดี ก็สามารถทำได้)  

 

6.คลิปวีดีโอที่ถูกแฉออกมาจากทนายความคนดัง นั้น ใช่คลิปฉบับเต็มหรือไม่ มีคลิปเหตุการณ์หลังจากที่ปรากฏในคลิปที่เปิดออกมาแล้วอีกหรือเปล่า

หากคลิปเหตุการณ์มีเท่านี้ ก็ยังยืนยันไม่ได้ว่า ผู้ต้องหาที่ถูกปฏิบัติการ “ถุงคลุมหัว” เสียชีวิตทันทีหรือแค่สิ้นสติไป 

เพราะต้องไม่ลืมว่า เอกสารใบรับรองการเสียชีวิตจากโรงพยาบาล 2 แห่งในจังหวัดนครสวรรค์ ระบุว่าผู้ต้องหารายนี้มีความพยายามวิ่งหนี แล้วเกิดหมดสติไป ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการเสพสารเสพติด 

หากเป็นแบบนี้ต่อไป เนื้อความตามท้องเรื่องที่เกิดขึ้น จะกลับกลายเป็นว่า “ผู้กำกับโจ้” และทีมงาน ไม่ได้จงใจฆ่าผู้ต้องหา และไม่ได้รีดเงิน แต่กระทำเกินกว่าเหตุ เพื่อหวังจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ทำให้ผู้ต้องหาหมดสติไป และหลังจากนั้นก็ฟื้นขึ้นมา และพยายามหลบหนีจนช็อค และเสียชีวิต 

จุดนี้อาจจะกลายเป็นช่องทางต่อสู้คดีของ “ผู้กำกับโจ้” และพวกก็เป็นได้ 

7.ข้อมูลสำคัญอีกด้านหนึ่งก็คือ ข้อกล่าวหาเรื่อง “รีดเงิน 2 ล้านบาท” เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ได้ปรากฏหลักฐานในคลิป แต่เป็นข้อกล่าวหาจากคนที่ร้องเรียนเข้ามา ซึ่งสั่งคมยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ พลตำรวจเอก สุชาติ บอกว่ารู้แล้ว / ฉะนั้นเรื่องนี้อาจจะเป็นการแบล็คเมล์ หรือกลั่นแกล้งกันแบบ “เล่นแรง” ถึงขั้นจบชีวิตราชการหรือไม่ / หรือในโรงพักแห่งนี้จะมีความขัดแย้งอะไรซ่อนอยู่ / นี่ก็เป็นปริศนาที่ส่วนหนึ่งที่น่าค้นหาต่อไป