svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

กรมราชทัณฑ์รายงาน ไม่พบเรือนจำระบาดเพิ่มวันที่ 3

24 สิงหาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“กรมราชทัณฑ์ รายงาน สถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน ไม่พบเรือนจำระบาดเพิ่มวันที่ 3 ขณะผู้ติดเชื้อรักษาหายแล้วกว่า 92%”

24 สิงหาคม 2564 เวลา 11.00 นาฬิกา นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2564 เวลา 16.00 นาฬิกา) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 192 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 162 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 30 ราย) รักษาหายเพิ่ม 804 ราย เสียชีวิต 2 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 3,673 ราย (กลุ่มสีเขียว 85.6% สีเหลือง 13.9% และสีแดง 0.5%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 416 ราย ปริมณฑล 489 ราย และต่างจังหวัด 2,768 ราย

 

นายอายุตม์ กล่าวว่า ในวันนี้ ยังคงไม่พบเรือนจำระบาดเพิ่มต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 จึงมีเรือนจำสีแดงที่พบการระบาด 38 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 104 แห่งคงเดิม โดยมีผู้ติดเชื้อ รักษาหายสะสม 51,254 ราย หรือกว่า 92% ของผู้ติดเชื้อสะสม 55,786 ราย เสียชีวิตสะสม 98 ราย คิดเป็นอัตรา 0.17% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

สำหรับผู้เสียชีวิต เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางนครสวรรค์ และเรือนจำจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง มีโรคประจำตัว แม้ว่าเรือนจำได้ดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง กรมราชทัณฑ์ ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไป มา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิต
ไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย 

กรมราชทัณฑ์รายงาน ไม่พบเรือนจำระบาดเพิ่มวันที่ 3

 

นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ได้ดำเนินการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายใต้ ศบค.ยธ. และ ศบค.รท. โดยมีการประชุมติดตามสถานการณ์ รวบรวมข้อมูลผู้ติดเชื้อ กำหนดแนวทางการรักษา การบริหารจัดการยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์
ทางการแพทย์ และการฉีดวัคซีนในผู้ต้องขังอย่างเป็นระบบ ดังนั้น ผู้ต้องขังทุกราย ทั้งกลุ่มปกติทั่วไปและกลุ่มเปราะบางจะได้รับการดูแลรักษา ภายใต้การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด อาทิ
กรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงสำนักงานสาธารณสุข และโรงพยาบาลแม่ข่ายในแต่ละพื้นที่ ซึ่งในทุกกระบวนการเป็นไปตามหลักการดูแลรักษาผู้ต้องขังที่เป็นมาตรฐานและถูกต้องตามแนวทางสาธารณสุข

logoline