กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีกำหนดการเดินทางเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง โดยประเทศที่เธอเลือกจะไปเยือนคือสิงคโปร์และเวียดนาม ซึ่งจุดประสงค์การเดินทางครั้งนี้ คือการแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ จะยังคงปักหมุดอยู่ในภูมิภาคนี้ ไม่หายไปไหน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ
แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า การเดินทางเยือนสิงคโปร์และเวียดนามของแฮร์ริส จะมุ่งเน้นการพูดคุยกับผู้นำทั้งสองประเทศเรื่องการบังคับใช้หลักกฎหมายสากลในทะเลจีนใต้ เพื่อยับยั้งการแผ่ขยายอิทธิพลทางทะเลของจีน
ในการรายงานของรอยเตอร์ยังระบุด้วยว่า แฮร์ริส ยังคงยืนยันและเน้นย้ำว่าการใช้เส้นทางคมนาคมทางทะเลในเขตทะเลจีนใต้ควรจะเป็นไปอย่างเสรี
ทุกประเทศควรมีสิทธิเดินเรือได้อย่างเท่าเทียม โดยไม่มีประเทศใดประเทศหนึ่งทำตัวเป็นเจ้าของ
นอกจากเรื่องทะเลจีนใต้แล้ว แฮร์ริสก็ยังจะหารือเรื่องมาตรการรับมือโควิด การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และความร่วมมือกันในด้านต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง
เป็นที่น่าสังเกตว่า การเดินทางเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับมองข้ามประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียน โดยก่อนหน้านี้ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เป็นสมาชิกคณะรัฐมนตรีคนแรกของรัฐบาล โจ ไบเดน ก็ได้เดินทางมาเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึงสามประเทศ คือ เวียดนาม สิงคโปร์ และ ฟิลิปปินส์ โดยไม่แวะมาเยือนไทยเหมือนกัน
นักวิเคราะห์หลายคนจึงเกิดคำถามว่าไทยอยู่ตรงไหนในสายตาของนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ
การเลือกไปสิงคโปร์ อาจจะไม่ได้เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย เพราะ สิงคโปร์ ถือว่าเป็นศูนย์กลางด้านการเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่สำหรับเวียดนาม จะเห็นว่าเริ่มขึ้นมามีบทบาทบนเวทีโลกแซงหน้าไทย โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะสหรัฐฯ กับเวียดนาม เคยมีประวัติศาสตร์ร่วมกันในสมัยสงครามเวียดนาม สหรัฐฯ จึงมีความรู้สึกว่าอยากจะสานสัมพันธ์ อยากจะร่วมมือกับเวียดนามมากเป็นพิเศษ
แต่สาเหตุสำคัญ น่าจะเป็นเพราะเวียดนามเป็นประเทศที่แข็งกร้าวกับจีนเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องข้อพิพาททางทะเลจีนใต้ แม้เวียดนามกับจีนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในเรื่องเศรษฐกิจ แต่ถ้าเป็นเรื่องข้อพิพาททางทะเลจีนใต้แล้ว จะเห็นว่าเวียดนามพร้อมประจันหน้ากับจีนแบบไม่มีถอย สหรัฐฯ จึงมองเวียดนามว่าเป็นผู้เล่นสำคัญในการสกัดกั้นการขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับประเทศไทย ยังคงไม่มีท่าทีที่ชัดเจนต่อข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ เพราะเราไม่ได้เป็นหนึ่งในประเทศผู้ขัดแย้ง แต่หลายฝ่ายก็หวังให้ไทยแสดงท่าทีเพื่อปกป้องสิทธิการคมนาคมทางทะเลที่เท่าเทียม ซึ่งเป็นผลประโยชน์กับทุกฝ่าย ขณะที่สหรัฐฯ ต้องการพันธมิตรที่มีความพร้อมจะเผชิญหน้ากับจีนในเรื่องนี้ จึงเลือกที่จะให้ความสำคัญกับเวียดนามมากกว่า