กำชับทุกเรือนจำ ต้องกักตัวและตรวจหาเชื้อผู้ต้องขังก่อน

วันที่ 19 สิงหาคม 2564 เวลา 13.00 นาฬิกา นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2564 เวลา 16.00 นาฬิกา) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 148 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 78 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 70 ราย) รักษาหายเพิ่ม 430 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 5,306 ราย (กลุ่มสีเขียว 88.2% สีเหลือง 11.4% และสีแดง 0.4%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 228 ราย ปริมณฑล 1,133 ราย และต่างจังหวัด 3,945 ราย

นายอายุตม์ กล่าวว่า ในวันนี้ สถานะของเรือนจำยังคงที่ กล่าวคือ มีเรือนจำสีแดงที่พบการระบาด 36 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 106 แห่ง โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 48,314 ราย หรือ 88.8% ของผู้ติดเชื้อสะสม 54,410 ราย เสียชีวิตสะสม 90 ราย หรือ 0.17% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

สำหรับผู้เสียชีวิต เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง 
มีโรคประจำตัว แม้ว่าได้ดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง กรมราชทัณฑ์ ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไป มา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย

นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุมวันนี้ ได้กำชับและทำความเข้าใจแนวทางการปล่อยตัวผู้ต้องขังให้มีความชัดเจนและถูกต้อง
ตามระเบียบที่วางไว้ทั้งในกลุ่มเรือนจำสีแดง และเรือนจำสีขาว ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มผู้ต้องขังที่ติดเชื้อและรับการรักษาอยู่ และกลุ่มผู้ต้องขังไม่ติดเชื้อแต่มีความเสี่ยงสูง จนถึงกลุ่มผู้ต้องขังที่เคยติดเชื้อแต่ได้รับการรักษาหายจนมีภูมิคุ้มกันแล้ว ทั้งนี้ จะต้องไม่มีการปล่อยตัวผู้พ้นโทษเพื่อทำการกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) ทุกกรณีโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเชื้อไปแพร่ระบาดภายนอก

นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำเรื่องยาฟ้าทะลายโจร ตามข้อสั่งการของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อจ่ายยาให้แก่ผู้ต้องขังได้อย่างทั่วถึงและทันเวลาหากเกิดการระบาดขึ้น รวมถึงมาตรการป้องกันเชื้อก่อนเข้าสู่เรือนจำ ที่ยังคงต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดต่อไป