วัยรุ่นหัวร้อนท้าต่อยตร.บนโรงพักโซเชียลถาม"ทนได้ไง"

ล่าสุดวันที่ 19 สิงหาคม 2564 ที่ สถานีตำรวจภูธรขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ภายหลังจากเมื่อบ่ายวานนี้มีคลิปว่อนโซเชียลไปทั่ว จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรขุขันธ์ ได้ทำการจับกลุ่มวัยรุ่นรายหนึ่ง นำตัวมาที่ สภ. ขุขันธ์เพื่อทำการเปรียบเทียบปรับพร้อมอบรมให้คำแนะนำในการกระทำให้ถูกต้องตามกฏหมายจราจร ในกรณีที่นำรถจักรยานยนต์ออกมาขับขี่บนถนนแต่ไม่ติดเป็นป้ายทะเบียนเพราะมีการดัดแปลงสภาพรถไปจากเดิม เป็นการแต่งรถซิ่งใส่ท่อเสียงดัง แต่ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัววัยรุ่นมาถึงสถานีตำรวจ ได้พบกับ ร้อยตำรวจเอกอาภากร โสภา ร้อยเวรปฎิบัติหน้าที่เปรียบเทียบปรับ ได้เชิญน้องเข้ามาพูดคุยด้วยกลับได้รับการสวนกลับปนคำพูดที่หยาบคาย ข่มขู่จะทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท้าทายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถอดชุดเผื่อมาชกต่อยกับตน ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจบนสถานีตำรวจขณะปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่เข้าข่ายหมิ่นเจ้าพนักงาน

โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์ได้เก็บภาพเป็นคลิปวิดีโอเอาไว้ ภายหลังภาพหลุดออกไปสู่โซเชียลปรากฏว่ามีคนมาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากกลายเป็นดราม่าที่ดังที่สุดอยู่ในขณะนี้โดยทุกคนสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทนต่อการด่าทอต่อหน้า ดูหมิ่นเจ้าพนักงานได้อย่างไรและหลายคนยังแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่าหากเป็นต้นคงชกคว่ำไปแล้ว

โดยวันนี้ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดศรีสะเกษได้เดินทางมาพบกับร้อยตำรวจเอกอาภากร โสภา เพื่อสอบถามข้อมูลหลักคิดในการทำงานเพื่อให้ใจเย็นได้ขนาดนั้น โดยร้อยตำรวจเอกอาภากร ได้เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ขณะที่ปฎิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกในเรื่องการจราจรอยู่บนถนนท้าวปัญญา หมู่ที่ 6 ตำบลห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์ พบเห็นวัยรุ่นรายหนึ่งขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมีการดัดแปลงสภาพรถไปจากเดิมเน้นแต่งซิ่งท่อไอเสียเสียงดังจึงได้เข้าทำการจับกุมและเชิญตัวมาที่ สภ.ขุขันธ์ 

จากนั้นได้ทำการพูดคุยเพื่ออบรมแนะนำกฏหมายจราจร แต่น้องวัยรุ่นหัวร้อนได้ทำการพูดจาหยาบคายข่มขู่ท้าทายหมิ่นเจ้าพนักงาน แต่จากการที่ตนได้ผ่านการอบรมจากกรมตำรวจมาได้ใช้หลักการของกรมตำรวจในข้อที่ 3 คือ ตำรวจทุกนายต้องอดทนต่อความเจ็บใจ ต้องไม่เป็นฝ่ายที่กระทำตนผิดกฏหมายเสียเอง จึงทำให้ตนใจเย็นนั่งฟังน้องเค้าด่าได้ตลอดโดยไม่โต้ตอบ พร้อมกับยังคิดต่อเนื่องไปว่าทำไมวัยรุ่นไทยทุกวันนี้ถึงใจร้อนกันนัก ไม่ยอมรับในการกระทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองของตนเอง แถมยังมาท้าทายอำนาจของเจ้าหน้าที่ที่กระทำการถูกต้องตามกฏหมายโดยละม่อม 

ซึ่งโจทย์ในครั้งนี้ก็ไม่ได้รุนแรงแต่อย่างใด ตนเองพยามพูดคุยกับน้องเขาด้วยวาจาที่สุภาพอ่อนน้อมแล้ว แต่ดูเหมือนว่าน้องเค้าจะไม่รับฟังอะไรเลย แต่ตนก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรเพราะเข้าใจน้องว่ากำลังเครียดเรื่องถูกจับ ภายหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปได้เปรียบเทียบปรับไปตามกฏหมายในการกระทำผิดกฏหมายจราจร ซึ่งหลังจากคลิปที่กระจายออกไปตั้งแต่บ่ายวันที่  18  ส.ค.และตอนนี้ยังไม่มีผู้ปกครองติดต่อเข้ามาเพื่อพบปะพูดคุยเจรจาขอโทษตนในการกระทำของเด็กอยู่ในปกครองหรือบุตรหลานของตนเองแต่อย่างใดแต่ตนก็ไม่ได้ติดใจในการกระทำดังกล่าวเพราะตนกระทำตามกฏหมายเท่านั้นจบแล้วก็คือจบ.

โดย  - พงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์