"หญิงหน่อย"นำทีมคนรุ่นใหม่เปิดศูนย์พักคอยแยกผู้ติดเชื้อออกจากชุมชน

18 สิงหาคม 2564 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมทีมคนรุ่นใหม่ นำโดย นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม ดร.เกณิกา ตาปสนันทน์ นายจตุบัญชา อำรุงจิตชัย รองโฆษกพรรค และ นายรณกาจ ชินสำราญ คณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรค ลงพื้นที่ให้กำลังใจทีมงานด่านหน้า ณ ศูนย์พักคอยแม้นศรี (Community Isolation : CI) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ที่เกิดจากความร่วมมือกันของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ สำนักงานเขตป้อมปราบฯ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง และอาสาไทยสร้างไทย

ทั้งนี้ หลังเปิดทำการ เริ่มมีผู้ป่วยในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย รวมทั้งเขตใกล้เคียงเข้ามากักตัว โดยศูนย์พักคอยดังกล่าว จะรับผู้ป่วยที่มีผลตรวจแบบ Antigen Test Kit (ATK) และอยู่ในระหว่างการรอผลตรวจแบบ RT-PCR เพื่อแยกตนเองออกจากชุมชน ไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อ และเข้าสู่การรักษาของทีมแพทย์โดยเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ระบบการรักษา ศูนย์พักคอยแห่งนี้จะนำผู้ป่วยเข้ารับการตรวจแบบ RT-PCR หากผู้ป่วยยังคงมีผลเป็นบวกที่แสดงว่าติดเชื้อ ก็จะมีการนำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบรักษาในโรงพยาบาลต่อไป ซึ่งขณะนี้ ศูนย์พักคอยแม้นศรี ได้ทยอยนำส่งผู้ป่วยไปรักษาในโรงพยาบาล และ hospitel เป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ พรรคไทยสร้างไทย ยังได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือการจัดสร้างศูนย์พักคอย #วัดดวงแข ซึ่งได้รับความร่วมมือจากวัดดวงแข สำนักงานเขตปทุมวัน และอาสาไทยสร้างไทย รวมทั้งผู้นำชุมชน โดยทีมคนรุ่นใหม่พรรคไทยสร้างไทย ได้ลงพื้นที่เพื่อช่วยจัดสร้างศูนย์ นำสิ่งของจำเป็นในการกักตัว เข้ามายังศูนย์ดังกล่าว เพื่อให้เขตปทุมวัน ได้มีศูนย์พักคอยให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อเร่งแยกผู้ป่วยออกมาจากชุมชน และเร่งรักษาผู้ป่วย ไม่ให้เป็นหนักมากขึ้น

พรรคไทยสร้างไทย ขอเน้นย้ำถึงพิมพ์เขียวสยบโควิดภายใน 60 วัน ที่นำเสนอโดยคุณหญิงสุดารัตน์ โดยมีหัวใจสำคัญในการควบคุมการระบาด คือ การเร่งตรวจหาเชื้อเชิงรุก เร่งสร้าง community isolation เพื่อแยกรักษา และเร่งฉีดวัคซีนชนิด mRNA ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์

อย่างไรก็ดี ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนที่มีพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ สามารถจัดทำ community isolation ได้ สามารถติดต่อมายังเพจพรรคไทยสร้างไทย เพื่อร่วมกันสร้างศูนย์พักคอยชุมชนให้ได้มากที่สุด ตามนโยบาย #1ตำบล1CI ของพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งขณะนี้ได้นำร่องในพื้นที่กรุงเทพ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.อุดรธานี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อรวมพลังสู้ภัยโควิดไปด้วยกัน และเชื่อว่าด้วยความร่วมมือร่วมใจของประชาชน จะสามารถผ่านพ้นมหาวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน