18 สิงหาคม 2564 ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ให้จัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับฉีดให้กับคนไทย ให้กระทรวงสาธารณสุข เสนอแผนการจัดหาวัคซีน 168 ล้านโดส มีระยะเวลาการส่งมอบตั้งแต่เดือนก.พ.64 – มี.ค.65 ท่ามกลางความเคลือบแคลงของประชาชนโดยทั่วไปว่า ทำไมประเทศไทยไม่เลือกซื้อวัคซีนชนิด mRNA ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า มาฉีดให้คนไทย ชาวทวิตเตอร์ต่างแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลไม่เร่งนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นาหรือไฟเซอร์มาฉีดให้คนไทย
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การจัดหาวัคซีนโควิด-19 ถึงเดือนธ.ค.64 อยู่ในกรอบ 100 ล้านโดส มีการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนทุกราย เพื่อให้จัดส่งวัคซีนตามตกลง ส่วนแผนปีหน้าอยู่ในกรอบจัดหา 120 ล้านโดส ซึ่งที่ประชุมศบค.ได้อนุมัติแล้ว อยู่ในขั้นตอนการเจรจาจัดหา ต้องแยกเป็นคนละส่วนกัน
นพ.โอภาส บอกว่า 120 ล้านโดสของปีหน้า ยังอยู่ในขั้นตอนเจรจากับผู้ผลิตเดิมเพื่อขอวัคซีนรุ่นใหม่ และเจรจากับผู้ผลิตรายใหม่ๆ รวมถึงการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ด้วย ซึ่งจะอยู่ในกรอบ 120 ล้านโดส
ก่อนหน้านี้ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. เห็นชอบจัดหาวัคซีนให้กับคนไทยเพิ่มเติมอีก 20 ล้านโดส ในกรอบวงเงิน 9,273 ล้านบาท
แบ่งเป็นการจัดหาวัคซีน 8,439 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการ 933 ล้านบาท คาดว่าจะส่งมอบในช่วงไตรมาสที่ 4 ประมาณปลายเดือนก.ย.จนถึงต้นเดือนต.ค.นี้
ที่ประชุมรับทราบ การจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 10 ล้านโดส และมอบหมายให้กรมควบคุมโรค เป็นผู้ลงนามกับตัวแทน บริษัทไฟเซอร์ ซึ่งจะทำให้การจัดหาวัคซีนชนิด mrna ยี่ห้อ pfizer เพิ่มเติม และจะส่งมอบช่วงไตรมาสที่ 4 เช่นกัน โดยจะทำให้วัคซีนไฟเซอร์ เข้ามาถึงประเทศไทยรวม 30 ล้านโดส ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
เปรียบเทียบราคาวัคซีน ที่นี่
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบค.) เป็นประธานการประชุม โดยมีมติเห็นชอบในหลักการจัดหาวัคซีนในช่วงเดือน ส.ค. ถึง ก.ย. ได้แก่
1) จองซื้อวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเติม 10 ล้านโดส
2) ให้องค์การเภสัชกรรมจัดหาวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติมอีก 12 ล้านโดส
และ 3) เจรจาวัคซีนอื่น ๆ เพิ่มเติม 10 ล้านโดส
ติดตามสถานการณ์โควิด ได้ที่นี่