วันที่ 18 สิงหาคม 2564 กระทรวงสาธารณสุข เผย ฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 24 ล้านโดส เข็มแรกครอบคลุม 25.5% ของประชากร ซึ่งผลศึกษาวัคซีนซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า มีประสิทธิผลป้องกันติดเชื้อ การป่วยรุนแรง และเสียชีวิต แม้โควิด เปลี่ยนเป็นเดลตา
ขณะนี้ประเทศไทยฉีดซิโนแวคเป็นเข็มแรก ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มสอง ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ ซึ่งทำให้ภูมิคุ้มกันขึ้นสูงใกล้เคียงกับการฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ที่ต้องเว้นระยะห่างถึง 3 เดือน จึงเหมาะที่จะฉีดให้ครอบคลุมเป็นวงกว้างและเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในเวลาอันรวดเร็ว
คณะทำงานการประเมินประสิทธิผลวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนที่ใช้จริง ในบุคลากรทางการแพทย์ จากฐานข้อมูลผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด กรมควบคุมโรค ระหว่าง1 พ.ค. – 31 ก.ค. 64 มีบุคลากรติดเชื้อจำนวน 3,901 คน นำมาทำการศึกษาโดยวิธีจับคู่เปรียบเทียบ 2,790 คน ผู้ติดเชื้อที่ได้รับวัคซีนครบโดส 2,192 คน และผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้รับวัคซีน 598 คน พบว่า ประสิทธิผลของ ซิโนแวค 2 เข็ม ป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต 98% ป้องกันการติดเชื้อ 72%
ประสิทธิผลของ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ผู้ที่รับวัคซีน 1 เข็ม อย่างน้อย 14 วัน อยู่ที่ 88% ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม อย่างน้อย 14 วัน อยู่ที่ 96% วัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยขณะนี้ ทั้งซิโนแวคครบ 2 เข็ม แอสตร้าเซนเนก้าที่ฉีดเข็มเดียวหรือครบ 2 เข็ม มีประสิทธิภาพช่วยลดทั้งการติดเชื้อ การป่วยรุนแรง และการเสียชีวิต สามารถใช้ต่อไปได้ พร้อมเตรียมซื้อซิโนแวคอีก 12 ล้านโดส โดยปรับเป็นการฉีดไขว้แอสตร้าเซนเนก้าเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันระดับสูงในเวลารวดเร็ว