นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC โดยระบุว่า ..
คนสูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัว 7 โรคยังได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 น้อยเกินไป โดยประเทศไทยฉีดวัคซีนให้คนไทยไปแล้ว 23.5 ล้านโดส คนสูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัว 7 โรคยังได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 น้อยเกินไป
ประเทศไทยฉีดวัคซีนให้คนไทยไปแล้ว 23.5 ล้านโดส ในจำนวนนี้แบ่งเป็น
จากเดิมที่เป้าหมายเน้นฉีดให้กลุ่มบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข ตามด้วยผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวให้มากที่สุด เนื่องจากมีแรงกดดันจากหลายกลุ่มจากภาคการท่องเที่ยว คมนาคม แรงงาน ทำให้คนวัยทำงาน และคนในพื้นที่มีการระบาดได้วัคซีนก่อน ประกอบกับวัคซีนมีจำกัดและมาช้า ทำให้ผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงได้วัคซีนช้าเกินไป สวนทางกับยุทธศาสตร์ที่ตั้งไว้เดิม
ประเทศไทยกำลังจะได้วัคซีนเพิ่มอีก 10 ล้านโดส ครั้งนี้ตั้งเป้าจะเร่งฉีดให้กลุ่มคนสูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัว 7 โรคและหญิงตั้งครรภ์ก่อนกลุ่มอื่น จากนั้นจึงจะเริ่มกลับมาฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วไป เพื่อลดการเสียชีวิตที่มีแน้วโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ร้อยละ 84 เป็นคนกลุ่มนี้ (ดูรูป) แต่คนหนุ่มสาววัยทำงานอัตราตายต่ำกว่า 1 ใน 1,000 เราต้องลดจำนวนคนป่วยหนักและเสียชีวิตให้มากที่สุด ระบบสาธารณสุขกำลังรับจำนวนผู้ป่วยหนักไม่ไหว รัฐควรส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปฉีดคนสูงอายุ คนป่วยติดเตียงที่บ้านมากขึ้น เพราะคนสูงอายุไม่สะดวกทึ่จะออกมาฉีดที่ศูนย์ฉีดวัคซีน
รัฐต้องให้ความรู้แก่ลูกหลานว่า คนแรกๆในครอบครัวที่ต้องฉีดวัคซีนคือผู้สูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัว ไม่ต้องกลัวว่าพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย จะป่วยมีผลข้างเคียงจากวัคซีน เพราะถ้าไม่ฉีด เมื่อติดเชื้อโอกาสจะเสียชีวิตสูงมาก เดิมทีคิดว่าการฉีดวัคซีนให้กับคนวัยทำงานที่ต้องออกนอกบ้าน จะสามารถป้องกันไม่ให้นำเชื้อมาแพร่ให้กับคนสูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัวซึ่งอยู่แต่ในบ้าน ปัจจุบันทราบดีแล้วว่าถึงฉีดวัคซีนครบ 2โดส คนวัยทำงานก็ยังติดเชื้อและแพร่เชื้อให้คนสูงอายุในบ้านได้ วัคซีนมีประโยชน์ในการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิต เพราะฉะนั้นคนสูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังรวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ต้องเป็นกลุ่มแรกที่รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดก่อนคนอื่นๆ