svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ปิยบุตร" จัดหนักองค์กร "ตร.-ทหาร" กลไกรัฐปราบปรามประชาชน

10 สิงหาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เลขาธิการคณะก้าวหน้า "ปิยบุตร" โพสต์เฟซบุ๊กร่ายยาว หลังปรากฎชื่อถูกฝ่ายความมั่นคงจับตามอง ชำแหละองค์ตำรวจ-ทหาร เป็นกลไกรัฐใช้บดขยี้ประชาชน

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ถึงกรณีเอกสารหลุด “ลับที่สุด” ที่มี 183 รายชื่อ กลุ่มบุคคลเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งทางหน่วยความมั่นคนเฝ้าจับตามองว่า อย่าทำให้กรณี Watchlist-Blacklist กลายเป็นเรื่องปกติ มีเอกสาร “ลับที่สุด” เปิดเผยออกมา ระบุรายชื่อผู้ชุมนุม นักกิจกรรม ทนายความ เอ็นจีโอ นักการเมือง ที่เป็น Watchlist - Blacklist ปรากฏว่ามีชื่อผมอยู่ด้วย

 

ผมเลยย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ที่ผมพบเจอในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เข้าสู่แวดวงการเมือง สมัยรณรงค์หาเสียงกับ #พรรคอนาคตใหม่ พวกเราเดินทางไปที่ไหน ก็ต้องเจอรถขับตาม เจอเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบถ่ายรูป เฝ้าสังเกตการณ์ มาถามทีมงานว่าพักที่ไหน เสร็จงานแล้วไปทำอะไรต่อ บางที่ถึงขนาดว่าตามมานั่งกินข้าวเย็นร้านเดียวกัน แวะปั๊มไปฉี่ ก็แวะตามไปฉี่ด้วย

 

เมื่อผมเข้าไปถามไถ่ เจ้าหน้าที่ก็ตอบหลากหลายแบบ ตั้งแต่ “นายสั่งมา ไม่ได้อยากทำเลย ขอความเห็นใจจากอาจารย์ด้วยครับ” บ้างก็อ้างว่า “มารักษาความปลอดภัยให้” บางครั้ง ผมไม่พอใจ ต่อว่ากลับไป อาศัยอำนาจตามกฎหมายอะไรมาทำแบบนี้ ถ้ามีคนจัดคนตามพวกคุณบ้าง ไปเฝ้าหน้าบ้าน ขับรถตาม จะรู้สึกอย่างไร เลือกปฏิบัติตามเฉพาะพวกเรา พรรคอนาคตใหม่ใช่หรือไม่

 

บางครั้ง ก็ต้องตัดความรำคาญ ไม่ให้การรณรงค์เสียหาย ไม่ให้ประชาชนหวาดกลัว ผมก็จะเชิญเจ้าหน้าที่เหล่านั้นมาถ่ายรูปให้จบๆ พร้อมกำชับว่าให้เอาไปส่งนาย เขียนรายงานส่งนาย ไม่ต้องมาเฝ้าผม เสียเวลาพักผ่อน เสียเวลาปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ด้วย

 

เมื่อผมออกจากพื้นที่ เขาก็จะส่งมอบงาน  แจ้งไปอีกจังหวัดให้รอตามผมต่อ บางครั้ง ก็ยังไปตามไล่บี้ทีมงานของเราในจังหวัดต่างๆ อีก

ครั้งหนึ่งที่สมุทรสาคร คนขับรถของเราสังเกตเห็นว่ามีรถขับตาม เราเลยแวะเข้าปั๊ม ทำเป็นไปกินกาแฟ ไม่ทันไร รถที่ตามเรามา ก็ขับตามมาจอดที่ปั๊มด้วย ผมเลยเดินตรงปรี่ไปที่รถ หมายจะเคาะกระจกไปถามตรงๆ ว่าตามมาทำไม ปรากฏว่า รถคันนั้นรีบบึ่งออกไปทันที สักพัก ผู้บังคับบัญชาของเขาก็รีบโทรมาขอโทษ ปรับความเข้าใจ

 

ครั้งหนึ่งที่อุบลราชธานี ผมเดินแจกแผ่นพับรณรงค์หาเสียงกับผู้สมัคร ส.ส. บริเวณตลาดนัด ปรากฏว่ามีทหารเกือบ 10 นาย ใส่ชุดเขียวลายพราง เดินตามด้วย ทำราวกับว่าพวกผมเป็นโจรผู้ร้าย ทำราวกับว่าที่ตลาดนัดแห่งนั้นเกิดภัยความมั่นคง

 

พอผมพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. นึกว่าจะเลิกตามผมแล้ว ที่ไหนได้ ตามมากกว่าเดิมอีก ครั้งหนึ่งที่เชียงใหม่ รอบนั้นสุดๆ มีทีมตามประกบผม 5 ทีมพร้อมกัน ตั้งแต่ตำรวจเชียงใหม่ ตำรวจภาค สันติบาล กองปราบ และ กอ.รมน. แล้วทั้ง 5 ทีม ก็ไม่รู้กันเองด้วย เพราะต่างทีม ต่างปฏิบัติภารกิจของตน บังเอิญมาเจอกันพอดี

 

ครั้งหนึ่งที่บึงกาฬ มุกดาหาร หนองคาย อุดรธานี นครพนม รอบนั้นไปช่วยหาเสียงผู้สมัครนายกฯ อบจ. พวกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามติดทุกจุด ทุกเวที ทุกจังหวัด ส่งรถกะบะ มาวนเฝ้าที่พักทั้งคืน จนผมต้องไปเจรจาบอกให้กลับไป

 

ครั้งหนึ่งที่ภูเก็ต ผมไปทำธุระส่วนตัว เที่ยวพักผ่อน เดินทางโดยเครื่องบิน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่โทรไปถามทีมงานของเราว่าผมมาทำกิจกรรมอะไรที่ภูเก็ต ทีมงานก็งง ไม่มีกิจกรรมอะไรเลย ผมเลยทราบว่าเดี๋ยวนี้ ถึงขนาดเอาชื่อผมขึ้นบัญชีไว้ในระบบทุกสนามบิน พอชื่อผมขึ้นปุ๊บ ตำรวจพื้นที่ก็จะทราบทันทีว่าผมมา ก็จะตามบี้กับทีมงานในจังหวัดเราทันที

 

เวลาพวกเจ้าหน้าที่รับคำสั่งนายมาติดตามผม เจอผมตรงๆ ผมยังพอรับมือได้ ไปพูดคุย ไปถ่ายรูปกับเขาให้เขาเขียนงานส่งนายให้จบๆ แต่ที่เลวร้ายมาก คือ ไปรบกวน ก่อกวน คุกคาม ทีมงานของเราในจังหวัดต่างๆ ไปก่อกวน คุกคาม ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมกับเรา เช่น ไปขอถ่ายบัตรประชาชน ไปถ่ายทะเบียนรถ เข้ามานั่งฟัง

 

ตั้งแต่ช่วงต้นปี ผมสังเกตว่า มีรถสองคัน สลับกันมา ทุกวัน มาจอดอยู่ตำแหน่งเดิม หน้าหมู่บ้านผม และเมื่อรถผมออกจากหมู่บ้าน ก็จะขับตามทันที

 

วันหนึ่ง ผมจะเดินทางไปงานศพของคุณพ่อ พี่เจี๊ยบ อมรัตน์ ที่ จ.นครปฐม ออกจากบ้าน พ้นประตูหมู่บ้านปุ๊ป ขับตามผมทันที ผมทนไม่ไหว เลยชะลอรถ แล้วจอด ทำทีเป็นแวะร้านสะดวกซื้อ เขาก็หยุดตามทันทีอีก ผมเลยเดินตรงปรี่เข้มไปยืนขวางรถ เคาะกระจก ก็ไม่ยอมเปิด รีบหักหัวรถ ขับหนีไปเลย

รอบล่าสุด ผมเดินทางมาประเทศฝรั่งเศส วันที่ 4 ก.ค. ยื่นเอกสารเดินทาง พาสปอร์ต วีซ่า ตั๋ว เอกสารเรื่องโควิด ที่เคาน์เตอร์ของสายการบิน ปรากฏว่าพนักงานสายการบินแจ้งผมว่าระบบบล็อค ไม่สามารถเดินทางได้ ผมก็เลยแซวเล่นๆ กับพนักงานสายการบินว่าสงสัยประยุทธ์และรัฐบาลไม่ยอมให้ผมไปต่างประเทศมั้ง ไม่ต้องกลัวหรอก ยังไงผมก็กลับมา เธอถามผมว่ามีคดีอะไรหรือไม่ มีคำสั่งศาลหรือไม่ ผมตอบไปว่า ผมมีอยู่สองคดี อยู่ในชั้นศาลหนึ่ง ในชั้นอัยการอีกหนึ่ง และทั้งหมด ไม่มีการขอควบคุมตัว ผมไม่ต้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ไม่มีคำสั่งศาลใดๆ ที่วางเงื่อนไขห้ามผมเดินทางไว้

 

พนักงานสายการบินพยายามต่อไปอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ ระบบยังคงบล็อคไม่ให้ผมเดินทาง ในเมื่อผมไม่มีเงื่อนไขคำสั่งศาลห้ามเดินทาง แล้วทำไมผมจึงเดินทางไม่ได้? พวกเขาเอาอำนาจตามกฎหมายอะไรมาสั่งห้ามผมเดินทาง? ผมคาดว่ารัฐบาลน่าจะสร้างกลุ่มรายชื่อบุคคลที่ต้องจับตามองเอาไว้และส่งมาไว้ที่ ตม. ผมหาช่องทางประสานไปยัง ตม. เพื่อสอบถามถึงเหตุผล ความเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่ ตม. หรือไม่ สุดท้ายทางผู้บังคับบัญชาของ ตม. ก็จัดการปลดบล็อค ทำให้ผมเดินทางได้

 

พอมาวันนี้ได้ทราบข่าวกรณี Watchlist แล้ว ก็น่าจะสันนิษฐานได้ว่าเมื่อไรก็ตามที่ชื่อของเราถูกจัดในบัญชีรายชื่อเฝ้าระวังติดตามในฐานเป็นภัยต่อความมั่นคงแล้ว ก็จะถูกเจ้าหน้าที่ทั้งหลายปฏิบัติแบบนี้แหละ

 

เวลาเราพูดถึงเรื่องโดนเฝ้า โดนติดตาม หลายครั้งเราอาจทำให้มันเป็นเรื่องตลก เรื่องขำ เรื่องแอบเสริ์ด เรื่องความบ้าบอของเจ้าหน้าที่ หลายครั้ง เราอาจบอกกันว่า “เฮ้ย ธรรมดา ถ้าไม่โดนตามสิ แปลก”

 

แต่โดยปริยาย เรากำลังทำให้เรื่องการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานเป็นเรื่องปกติไป เรากำลังทำให้สิทธิในความเป็นส่วนตัว เสรีภาพในการเดินทาง ถูกละเมิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ตามวิถีปกติ

 

เราต้องถามตอบโต้พวกเขากลับไปว่า เจ้าหน้าที่อาศัยอำนาจตามกฎหมายใดในการทำรายชื่อ Watchlist เจ้าหน้าที่อาศัยอำนาจตามกฎหมายใดในการเฝ้า ติดตาม ขับรถตาม สอบถามข้อมูลส่วนบุคคลของเรา ข้อมูลการเดินทางของเรา

 

ใครเป็นคนสั่งให้ทำ มีวัตถุประสงค์ใด ทั้งหมดที่ทำกัน ไม่ใช่เรื่องความมั่นคงของรัฐ แต่เป็นเรื่องการจับตาฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลต่างหาก หากทำกันแบบนี้ ต่อไปประชาชน ขอจัดคน จัดรถ เฝ้าติดตาม เจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับไปจนถึงรัฐบาล ได้หรือไม่

 

ครั้งหนึ่ง ผมเคยถามตำรวจระดับสูงคนหนึ่งว่าทำไมตำรวจต้องมาทำแบบนี้ เขาบอกผมว่าทุกรัฐบาลใช้งานตำรวจในการหาข่าวจากฝ่ายตรงข้ามทั้งนั้น วันหนึ่ง ฝ่ายอาจารย์ได้เป็นรัฐบาลบ้าง ก็ใช้ตำรวจหาข่าวเหมือนกัน

 

ผมบอกไปว่า ไม่มีทาง ถ้าผมมีอำนาจบริหารจริง ผมไม่ทำแน่นอน  ทำไมเราไม่ทำให้ตำรวจเป็นกลางทางการเมือง ไม่ต้องถูกพรรคใดพรรคหนึ่งไปใช้ แต่ละพรรคก็แข่งขันกันไป ส่วนตำรวจก็ปฏิบัติตามแนวทางของรัฐบาลเฉพาะเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลประชาชน ตำรวจไม่ใช่กลไกปกป้องรัฐบาล ไม่ใช่กลไกปราบปรามฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล

 

ตำรวจระดับสูงนายนั้นตอบผมว่า ถ้าได้แบบนี้ จะดีมาก ตำรวจจะได้เป็นตำรวจอาชีพ แต่วันหนึ่ง พวกอาจารย์แพ้ไป รัฐบาลอื่น เขาก็กลับมาใช้กลไกตำรวจอีกนั่นแหละ

 

นั่นแหละครับ.. ลักษณะขององค์กรตำรวจ องค์กรทหาร ไม่ว่าในประเทศไหน ก็จะเป็นแบบนี้ มันคือกลไกรัฐ ที่พร้อมบดขยี้ปราบปราบประชาชน และที่เลวร้าย ทั้งหมด มันมาในนามของ “กฎหมาย” มาในนามของ “การรักษาความสงบ การรักษาความมั่นคง”

 

นี่เอง ที่ทำให้มาร์กซ์และเลนิน ยกย่องการปฏิวัติ Commune de Paris ในปี 1871 ที่มุ่งจัดการกลไกรัฐทั้งหมด โดยไม่เข้าไปใช้กลไกเดิม แต่พังรื้อกลไกเดิมทั้งหมด และสร้างกลไกใหม่ให้เป็นของประชาชน

"ปิยบุตร" โจมตี ตร.-ทหาร กลไกปราบประชาชน

logoline