9 สิงหาคม 2564 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้า และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะนี้ได้กระจายไปครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากผู้ติดเชื้อ กทม. เดินทางกลับภูมิลำเนา จนทำให้เชื้อแพร่กระจายออกไป
ทั้งนี้ แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดสามารถจัดการรองรับผู้ติดเชื้อได้ดีระดับหนึ่ง ขณะที่ใน กทม. และปริมณฑล ซึ่งมีการแพร่ระบาดของโควิดอยู่ในระดับสูง ยังมีปัญหาอุปสรรคเรื่องการบริหารจัดการในการรับมือกับโควิดอยู่พอสมควร แม้ภาครัฐจะพยายามแก้ไขปัญหาอุปสรรคด้วยวิธีการต่างๆ
นายองอาจ กล่าวต่อว่า โดยหลักการแล้ว แนวทางที่ภาครัฐออกมาน่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงยังมีความติดขัดในทางปฏิบัติ ทำให้แนวทางดีๆ ที่ออกมายังไม่บรรลุผลเท่าที่ควร ซึ่งจากการลงพื้นที่ของทีมงานพรรคประชาธิปัตย์ในเขต กทม. และปริมณฑล พบว่า ประชาชนเรียกร้องให้ภาครัฐดำเนินการใน 3 เรื่องสำคัญ ดังนี้
1.ตรวจเชิงรุกคัดกรองผู้ติดเชื้อให้มากที่สุด โดยเฉพาะใน กทม. และปริมณฑล ควรเร่งศักยภาพในการตรวจหาเชื้อ พร้อมทั้งปรับปรุงแนวปฏิบัติที่เป็นอุปสรรคต่อการตรวจหาเชื้อทั้งแบบ ATK และ PCR ซึ่งภาครัฐควรสนับสนุนให้ประชาชนตรวจหาเชื้อ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2.ปรับปรุงการบริหารจัดการให้ผู้ติดเชื้อสามารถเข้าถึงการเข้าสู่ระบบได้โดยง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ไม่ควรปล่อยให้ผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบได้ยาก การโทรแล้วไม่ได้รับ และการโทรแล้วรับ แต่ให้รอนานหลายวันไม่ควรเกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อสูงอายุ หรือผู้ป่วยติดเตียงที่ติดโควิด ควรจัดระบบให้ดูแลรักษาอย่างเกาะติด เพื่อไม่ให้อาการทรุดหนักจนยากที่จะเยียวยาจนนำไปสู่การเสียชีวิต
3.ควรบริหารจัดการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง เพราะขณะนี้ประชาชนทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มไม่เสี่ยง ต้องดิ้นรนติดต่อตามช่องทางที่ภาครัฐกำหนดขึ้น ในการได้ฉีดวัคซีนด้วยความยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม จึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐ และ ศบค. ฟังเสียงประชาชนที่ส่งผ่านมายังผู้แทนประชาชนไปถึงผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ให้รับรู้ถึงความต้องการของประชาชนที่ต้องทนทุกข์ด้วยความยากลำบากในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ขณะนี้ เพื่อเร่งหาทางแก้ปัญหาต่างๆ ให้ทุเลาเบาบางลงโดยเร็ว