วันนี้ (5 ส.ค.64) คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ประกาศเมื่อวันที่ 4 ส.ค.64 อนุมัติข้อตกลงที่อนุญาตประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) จัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โนวาแวกซ์ "Novavax" จากบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสหรัฐอเมริกาสูงสุด 200 ล้านโดส หากองค์การยาแห่งยุโรป (EMA) รับรองว่าวัคซีนดังกล่าวปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
แถลงการณ์ ระบุว่า ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจะสามารถจัดซื้อวัคซีนของโนวาแวกซ์ 100 ล้านโดส และมีตัวเลือกการจัดซื้อเพิ่มเติมอีก 100 ล้านโดส ในช่วงปี 2021 ,2022 และ 2023 ผ่านข้อตกลงกับ โนวาแวกซ์ โดยประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน สนับสนุนข้อตกลงดังกล่าวว่า มีบทบาทช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ “ตัวเลือกวัคซีนที่หลากหลาย” ของอียู
นอกเหนือจาก วัคซีน Novavax สหภาพยุโรปยังลงนามสัญญากับ แอสตร้าเซนเนก้า "AstraZeneca" ซาโนฟี - จีเอสเค "Sanofi - GSK" แจนเซน ฟาร์มาซูติกา เอ็นวี "Janssen Pharmaceutica NV" ไบออนเทค - ไฟเซอร์ "BioNtech - Pfizer" เคียวแวค "CureVac" และ โมเดอร์นา "Moderna" รวมถึง วาลเนวา "Valneva" เท่ากับว่ามีการทำสัญญาสำรองซื้อวัคซีนถึง 4.4 พันล้านโดสแล้ว
วันเดียวกัน ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก แถลง เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ พักการฉีดกระตุ้นวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 3 ไปถึงสิ้นเดือนกันยายนเป็นอย่างน้อย เพื่อช่วยบรรเทาความเหลื่อมล้ำอย่างมากในการกระจายวัคซีนระหว่างประเทศร่ำรวยและประเทศยากจน เขากล่าวว่า การระงับบูสเตอร์ชั่วคราวจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายของการฉีดวัคซีนประชากรอย่างน้อยร้อยละ 10 ของทุกประเทศได้