พล.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และนายอานนท์ นำภา แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ประกาศเชิญชวนมวลชนเข้าร่วมชุมนุมวันนี้ (3 ส.ค.) ที่บริเวณหอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพฯ ช่วงเวลา 16.00 น. และจะเคลื่อนขบวนต่อไปที่แยกปทุมวัน ว่า เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากขณะนี้พื้นที่ กทม. มีการประกาศใช้กฎหมายควบคุมสูงสุด ดังนั้นการออกมาชุมชนจึงเข้าข่ายกระทำที่ผิดต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, และอาจผิดต่อ พ.ร.บ. จราจรฯ ด้วย
ส่วนกิจกรรมคาร์ม็อบเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา บช.น.ได้ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 1 ควบคุมตัวผู้กระทำผิด 11 ราย และจะมีการรับคำร้องทุกข์เพิ่มเติม รวมถึงพิสูจน์ทราบผู้กระทำผิดรายที่เหลือต่อไป ขณะที่เหตุความวุ่นวายที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) วานนี้ (2 ส.ค.) นั้น ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 32 ราย ในส่วนแรกคือพฤติกรรมที่บริเวณ บช.ปส. ส่วนที่สองคือจะต้องสำรวจความเสียหายของกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (ตชด.) ที่มีรายงานว่ากลุ่มทะลุฟ้ามีการทำลายทรัพย์สิน
พล.ต.ต.ปิยะ ย้ำว่า การดำเนินคดีของกลุ่มผุ้ชุมนุมตั้งแต่ปี 63 จนถึงปัจจุบัน พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีรวมทั้งสิ้น 284 คดี สอบสวนเสร็จสิ้น 194 คดี อยู่ในระหว่างรวยรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม 90 คดี ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลยืนยันว่า หากมีการกระทำผิดในพื้นที่ กทม. จะต้องมีการดำเนินคดีทุกราย ส่วนที่มีรายงานข่าวว่าวันนี้ จะดำเนินการควบคุมตัวแกนนำที่ออกมาทำกิจกรรมนั้น ยืนยันว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดำเนินการกับผู้กระทำผิดทุกรายไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึง มาตรการการยกระดับบังคับใช้กฎหมายของตำรวจในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ตามประกาศของ ศบค. ว่า ที่ผ่านมาตำรวจได้แจ้งไปยังไปประชาชน แต่ก็ยังมีผู้ที่ฝ่าฝืนเป็นระยะๆ ตำรวจจึงเตรียมที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะการออกจากเคหะสถานในห้วงเวลาเคอร์ฟิวส์ หากพบว่าบุคคลใดที่ออกมานอกเคหะสถานโดยพบบ่อยครั้งและไม่มีเหตุผลเหมาะสม ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างจริงจัง