การประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านผ่านระบบซูมวานนี้ วาระสำคัญก็เป็นวาระเดิม คือการเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151
ผลประชุมยังคงย้ำว่า จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยในชั้นต้น ยืนยันจะยื่นอภิปราย “นายกรัฐมนตรี” เป็นผู้ถูกอภิปรายหลัก เพราะเป็นศูนย์รวมของปัญหาและความล้มเหลวในการแก้ปัญหาทั้งปวงของประเทศ โดยเฉพาะโควิด ส่วนรัฐนมตรีคนอื่นๆ ที่ประชุมจะสรุปรายชื่อในการประชุมครั้งหน้า และทุกอย่างต้องจบในวันที่ 10 สิงหาคม
ก่อนจะแถลงข่าวในวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พร้อมยื่นรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปราย และญัตติเปิดอภิปรายฯให้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 16 สิงหาคม ขณะที่กรอบเวลาอภิปรายจะอยู่ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ถึงต้นเดือนกันยายน
“พี่เต้” เดินสายชวนพรรคเล็กโหวตคว่ำ “ลุงตู่”
พูดถึงสถานะของฝ่ายค้านในปัจจุบัน ไม่ได้มีแค่ 7 พรรคเท่าตอนหลังเลือกตั้งใหม่ๆ แล้ว (ประกอบด้วย เพื่อไทย, ก้าวไกล, เสรีรวมไทย, ประชาชาติ, เพื่อชาติ, เศรษฐกิจใหม่ และ พลังปวงชนชาวไทย) เพราะมีพรรคไทยศรีวิไลย์ ของ “เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ เพิ่มมาอีก 1 พรรค ในนาม “ฝ่ายค้านอิสระ” และ “พี่เต้” ก็เปิดแคมเปญเดินสายคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อขอให้เปลี่ยนใจ โหวตล้ม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้
โดยพรรคแรกที่เดินทางไป ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นพรรคคู่หูของพรรคไทยศรีวิไลย์เอง นั่นก็คือ พรรคประชาธรรมไทย ที่มี นายพิเชษฐ สถิรชวาล อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค
นายพิเชษฐ กล่าวภายหลังหารือและรับหนังสือจาก “พี่เต้” มงคลกิตติ์ ว่า เรื่องนี้ตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคก่อน แต่ยืนยันว่าจะ "ยืนข้างประชาชน"
ขณะที่ “พี่เต้” มีแผนเดินสายคุยกับพรรคเล็กอีก 10 พรรค โดยในวันนี้จะไปที่พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ซึ่งเป็นพรรค 2 เสียง และจะหารือกับ นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรค ในเรื่องเดียวกันนี้ และตั้งความหวังว่าจะหาเสียงจาก ส.ส.รัฐบาลให้ได้ 42 เสียง เพื่อโค่นนายกฯประยุทธ์
เทียบเสียง “รัฐบาล vs ฝ่ายค้าน” โหวตล้มได้จริงหรือ
ปัจจุบัน ส.ส.เท่าที่มีอยู่ มีจำนวน 483 คน หักคนที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ออกหมดแล้ว แยกเป็นรัฐบาล 271 คน ฝ่ายค้าน 212 คน แต่ตัวเลขนี้รวม ส.ส.ฝากเลี้ยง หรือ “งูเห่า” อยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง
จากตัวเลขจะเห็นได้ว่า ช่องห่างระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล อยู่ที่ 59 เสียง แต่ ส.ส.เต้ ต้องการเสียง ส.ส.รัฐบาลมาโหวตล้มนายกฯประยุทธ์ 42 เสียง ซึ่งในจำนวนนี้ หากลงมติแค่ “งดออกเสียง” ก็จะไม่มีผลอะไร แม้จะถือว่าเป็นการสร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองไม่น้อยทีเดียว เหมือน ส.ส.ดาวฤกษ์ 7 เสียงไม่โหวตให้รัฐมนตรีคมนาคม ในการลงมติซักฟอกรอบที่ผ่านมา แต่ถ้าในจำนวน 42 เสียงนี้ “โหวตสวน” ก็จะทำให้นายกฯต้องพ้นตำแหน่งได้เหมือนกัน
แต่คำถามคือ เสียง ส.ส.รัฐบาล 42 เสียงจะเอามาจากที่ไหน โดยเฉพาะหากฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีแบบ “หว่านไปหลายพรรค” เพราะจะทำให้เสียงสนับสนุนของรัฐบาลมีเอกภาพ ไม่แตกแถว เนื่องจากแต่ละพรรคต้องอาศัยเสียงพรรคร่วมฯ มาช่วยกันโหวตให้ตัวเอง