รพ.สนามธรรมศาสตร์เตือน ยาฟาวิพิราเวียร์ไม่พอความต้องการ
รพ.สนามธรรมศาสตร์โพสต์เตือน สัปดาห์หน้ายาฟาวิพิราเวียร์จะไม่เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วย และคาดว่าในเดือนสิงหาคมนี้จำนวนผู้ติดเชื้อจะถึงจุดพีค
วันที่ 2 สิงหาคม 2564 เฟซบุ๊กแฟนเพจ โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ โพสภาพพร้อมข้อความระบุว่า วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม วันที่ 113 ของโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ และวันที่ 52 ของศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์รังสิต จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงมากกว่า 18,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตรวม 113 ราย และมีแนวโน้มที่ตัวเลขจะอยู่ปริมาณเท่านี้อีกอย่างน้อยหนึ่งหรือสองสัปดาห์ ทำให้จำเป็นต้องคิดและกำหนดแผนการอะไรบางอย่างในระดับประเทศ
เมื่อวันก่อน สภาเภสัชกรรมออกแถลงการณ์เตือนมาแล้วว่า ต่อให้องค์การเภสัชกรรมของเราจะผลิต Favipilavir ได้เองแล้วแต่ในหลายเดือนจากนี้ไป ศักยภาพการผลิตของเราจะอยู่ที่เดือนละ 2-3 ล้านเม็ด และหากผู้ป่วยใหม่อยู่ในระดับนี้ และมีนโยบายให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาอย่างเร็วตามที่ สธ.กำหนด เราจะต้องใช้ยาถึงวันละหนึ่งล้านเม็ด (ผู้ป่วยหนึ่งคนใช้ยาโดสละ 50 เม็ด) และภายในสัปดาห์หน้า ประเทศจะขาดยา Favipilavir อย่างแน่นอน หากรัฐบาลไม่เร่งดำเนินการให้โรงงานผลิตยาของเอกชนที่มีมาตรฐานสูงในระดับเดียวกันเข้ามาช่วยผลิตยาเพิ่มจากที่องค์การเภสัชกรรมทำอยู่
คำเตือนของสภาวิชาชีพเภสัชกรรมนี้ เป็นการประเมินความต้องการใช้ยาของประเทศที่น่าเชื่อถือมากที่สุด เพราะยา Favipilavir เป็นยาต้านไวรัสชนิดเดียวที่มีใช้อยู่ในประเทศที่ใช้กับผู้ป่วยโควิด เราหวังว่ารัฐบาลจะตัดสินใจเรื่องนี้อย่างรวดเร็วที่สุด และการตัดสินใจว่าจะไม่ตัดสินใจ ก็จะต้องมีคำอธิบายที่ดีสำหรับประชาชนด้วย เพราะถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยประมาณกลางเดือนสิงหาคม อีกประมาณสองสัปดาห์เราก็จะได้ยินเพิ่มว่า นอกจากวัคซีนขาด เตียงขาดแล้ว ยารักษาโควิดยังขาดอีก ที่น่าเศร้าก็คือ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นในประเทศที่เคยถูกยกย่องว่า มีระบบสาธารณสุขที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกติดต่อกันมาหลายปี
วันแรกของเดือนสิงหาคม เดือนที่สถานการณ์ที่ผู้ป่วยด้วยโรคระบาด จะหนักที่สุดเท่าที่เราเคยเผชิญกันมา จะเผชิญกับจำนวนผู้ป่วยที่ถึงจุด Peak ในเดือนนี้ตามทฤษฎีระบาดวิทยาทุกทฤษฎี พรุ่งนี้ ER ของเราจะเปิดปกติเพื่อรองรับผู้ป่วยฉุกเฉินและอุบัติเหตุ ห้อง Negative Pressure สองห้องใหญ่และ Nurse Station ที่เป็น Positive Pressure ในโซน ER พร้อมด้วยชุดอุปกรณ์ป้องกัน สัปดาห์หน้า ราววันพฤหัส เราจะติดตั้งเต็นท์พลาสติกความดันลบแบบเต็นท์สนาม สำหรับทำหัตถการผู้ป่วยโควิดในวอร์ดโรคไตสองเต็นท์ และในวอร์ดอายุรกรรมอีกสี่เต็นท์ โดยความช่วยเหลือจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย วันพรุ่งนี้ (2 ส.ค.) การปรับปรุงศูนย์ Home Isolation ของเราจะเสร็จสิ้น ผู้ป่วยโควิดที่ยังมีอาการไม่มาก ที่จะมารับยาและเวชภัณฑ์เองได้คราวละ 20 คนในห้อง Orientation
ในโครงการ HI ของธรรมศาสตร์ ที่วันนี้มีผู้ป่วยสะสมเกือบแปดร้อยคนแล้ว เราสามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง และรับดูแลผู้ป่วยได้ไปจนถึงการรับผู้ป่วยกลับเข้านอนในโรงพยาบาลในกรณีที่มีอาการเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ
