กล่มลิเบอร์ตา ยื่นหนังสือถึง นายกฯ เรียกร้อง ลดค่าเทอม-จัดหาวัคซีน

23 กรกฎาคม 2564 นายธัญญสิทธิ์ อิงคยุทธทวิทยา พร้อมด้วย นายสัณหณัฐ ศรัธาพร ตัวแทนกลุ่มลิเบอร์ตา ยื่นหนังสือถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะรัฐมนตรี ผ่านการส่งไปรษณีย์ไปยังศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล โดยระบุว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ได้เผยให้เห็นว่า มาตรการรับมือและการบริหารจัดการของรัฐบาลเต็มไปด้วยความขาดตกบกพร่อง ไร้ความโปร่งใสขาดการตรวจสอบ และยังแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่พรรคพวกของตน รวมไปถึงมีความล้มเหลวในการดูแลประชาชนด้านสุขภาพในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบแก่ประชาชนจำนวนมาก ปัญหาสถานประกอบการจำนวนมากจำต้องปิดกิจการเพราะพิษทำงานหลายอาชีพถูกเลิกจ้าง, ผู้ประกอบการขาดรายได้, การเพิ่มตัวขึ้นของคนไร้บ้านอย่างมีนัยสำคัญ, นักเรียนนักศึกษาออนไลน์ แต่กลับจ่ายคำเทอมเท่าเดิม และการจัดหาวัคซีนที่ล่าช้า ไม่ได้คุณภาพ ผูกขาดวัคนแต่เพียงรายเดียว โดยไม่คำนึงถึงการกระจายความเสี่ยง และแสวงหาผลกำไรจากการนำวัคนที่ประสิทธิภาพดีกว่ามาขายให้แก่ประชาชน 

นอกจากนี้ ยังมองว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกวัน ยิ่งทำให้บุคลากรทางการเพทย์ต้องทำงานหนักขึ้นเรื่อย ๆ และแม้บุคคลเหล่านี้จะทำงานล่วงเวลา หรือเผชิญกับความเสี่ยงจากโรคติดต่อแต่กลับไม่ได้รับค่าแรงที่สูงขึ้นจากเดิม

ขณะที่ มาตรการเยียวยาประชาชนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น โครงการคนละครึ่ง, เราชนะ, ม. 33 นั้นก็เป็นแต่เพียงการจ่ายเงินเยียวยาแบบส่งเดช โดยไม่ได้คำนึงถึงมิติทางเศรษฐกิจ ทำให้โครงการเหล่านั้นไม่สามารถประคับประครองชีวิตได้อย่างแท้จริง อีกทั้งยังประสบกับปัญหาการเยียวยาที่ เป็น'สวัสดิการโดยรัฐแบบชิงโชค'  การลงทะเบียนรับโครงการแบบใครเร็วใครได้ ทำให้ประชาชนบางกลุ่มถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง คือแนวทางแห่งความล้มเหลวทางด้านปากท้องและสาธารณะสุขที่ปัจจัยพื้นฐานของประชาชน เห็นได้อย่างชัดเจนว่า แนวทางของรัฐบาลนั้น เอื้อประโยชน์ให้แก่นายทุนผูกขาดและกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์ นำมาสู่การเสียชีวิตของประชาชน

โดยทางกลุ่ม ได้เรียกร้องให้รัฐบาล  ลดค่าเทอมและคำบำรุงการศึกษาให้แก่นักเรียนนักศึกษา ตั้งแต่ระดับประถมจนถึงมหาลัย ทุกๆ สถาบันการศึกษาไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนรัฐหรือ เอกชนร้อยละ 50 ของอัตราปัจจุบัน เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 ปี และ จัดหาวัคชีนให้แก่ประชาชนโดยถ้วนหน้า ในทุกยี่ห้อโดยไม่เสียคำใช้จ่าย กรณีเกิดผลข้างเคียง พิการหรือเสียชีวิต รัฐต้องจ่ายเงินค่าเยียวยา ชดเชยให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต / เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตราการป้องกันโควิด-19 ของรัฐ โดยอัตราที่ต้องชดเขยขั้นต่ำอย่างน้อยร้อยละ 80ของรายได้ปกติ รวมไปถึงพักชำระหนี้ ทั้งตันทั้งดอกในทุกอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ กส. ของเกษตกร หนี้ กยศ. ของนักเรียนนักศึกษา พักการจ่ายเงินผ่อนรถและที่อยู่อาศัยและสถาบันทางการเงินอื่นๆ ไม่ว่าจะในระบบหรือนอกระบบ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 ปี และเพิ่มเงินเดือนบุคลากรทางการแพทย์ และบรรจุพนักงานสัญญาจ้างซึ่งปฏิบัติงานระหว่างการป้องกันและการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด ให้เป็นพนักงานประจำ และบรรจุเป็นข้าราชการ