นายกอบจ.สกลนครชี้แจงให้สำรวจบุคลากรแค่แนวคิดเท่านั้น

กรณี ดร.ชูพงษ์ คำจวง นายก อบจ.สกลนคร มีคำสั่งเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ให้สำรวจบุคลากรของหน่วยพร้อมครอบครัวที่ยังไม่เคยใด้รีบวัคซีนป้องกันโคโควิด -19 จนเรื่องนี้มีกระแสดราม่า วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล ต่างก็เห็นว่าไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์

ซึ่ง ดร.ชูพงษ์ คำจวง เห็นว่าเรื่องนี้้เป็นเพียงแนวคิดและการเตรียมความพร้อมเท่านั้น ตามหนังสือสั่งการมีข้อความว่า ขอความร่วมมือในการแจ้งจองวัคซีน สำหรับฉีดให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มอื่น" โดยไม่มีมูลค่า ซึ่งขณะนี้ สภากาชาดไทยได้สั่งจองวัดซีนป้องกันโรคโดวิด – 19 Moderna จำนวนหนึ่งจากผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทยผ่านองค์การเภสัชกรรม เพื่อนำมาฉีดบริการให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มต่าง ๆ โดยไม่คิดมูลค่า ตามพันธกิจของสภากาขาดไทย และสภากาชาดยังได้จัดสรรโควต้าวัคชีนจำนวนหนึ่ง ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อนำมาฉีดบริการให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มต่าง ๆ ในพื้นที่

กองสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร จึงขอความร่วมมือในการสำรวจบุคคลากรในสังกัตองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ) ที่ยังไม่เคยได้วัคซีนป้องกันโรคโควิดมาก่อน เพื่อจะดำเนินการสั่งจองวัคซีน โดยไม่คิดมูลค่า มาเพื่อให้ ผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ ( ตออดจนครอบครัวของท่าน และสำหรับสำนักการศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม แจ้งโรงเรียน ในสังกัดทุกโรงเรียนทราบด้วย พร้อมทั้งจัดส่งแบบสำรวจดังกล่าว ให้กองสาธารณสุข ภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 รายละเอียดตามเอกสารที่แนบมาพร้อมนี้

โดยในเรื่องนี้ เกิดเป็นกระแสดราม่าและวิจารณ์ในโลกโซเชียลออกมารุมถล่ม อบจ.สกลนคร จำนวนมาก โดยบอกว่า เอาภาษีของประชาชนมาใช้เพียงกลุ่มเดียว ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องไม่ถูกวัตถุประสงค์ เพราะขัดแย้งกับมาตรการที่กรมควบคุมโรคได้ออกกฎระเบียบ กลุ่ม 6-7 โรค

เรื่องนี้ ดร.ชูพงษ์ คำจวง นายก อบจ.สกลนคร เปิดเผยว่า ที่ อบจ.สกลนคร มีข้าราชการติดเชื้อโควิด 19 รวม 8 ราย จึงแจ้งให้มีการสำรวจบุคลากรพร้อมครอบครัว ว่ามีผู้ที่ยังไม่ได้ฉีกอีกกี่ราย จะได้จัดทำเป็นข้อมูลให้กับทางจังหวัดทราบ เช่นเดียวกับส่วนราชการ หรือ อปท.อื่น ๆ ก็มีการสำรวจเช่นกัน เราขอยืนยันว่าไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์ใด ๆ เพราะเราคือผู้รับใช้ประชาชน ไม่มีการฉีดวัคซีนก่อนประชาชนอย่างแน่นอน

นอกจากนี้  ดร.ชูพงษ์ ยังกล่าวถึงผลงานของ อบจ.ที่พยายามนำผู้ป่วยกลับบ้าน ซึ่งเวลานี้นำกลับมาแล้วกว่า 400 คน เมื่อกลับมาก็จัดหาเตรียมสนามให้ที่จุดพักคอย เป็นแคร่ไม้ไผ่แข็งแรงทนทาน ใช้งานได้จริง เชื่อว่าจะลดงบประมาณค่าใช้จ่าย เพราะตัวละ 600 บาท หากเป็นเตียงสำเร็จตกตัวละ 20,000 บาท ขอแนะนำให้ อปท.ทั่วประเทศ นำแนวคิดนี้ไปใช้เพราะลดต้นทุนได้มาก เกษตรกรที่ผลิตแคร่ก็ได้ขายสร้างรายได้แก่ชุมชนอีกด้วย ที่สำคัญ ตนยังสละเงินเดือนของตน เป็นเวลาถึง 6 เดือน เพื่อนำไปใช้จ่ายในการนำพาผู้ป่วยยืนยันกลับมารักษาตัวที่บ้าน

โดย  - นรากร เวชกามา