ตั้งค่าหัว 1 ล้าน ล่าสาวโรงงานเชิดเงินวงแชร์กว่า 30 ล้าน
ผู้เสียหายชาวจังหวัดนครราชสีมากว่า 30 คน หอบหลักฐานเข้าแจ้งความเอาผิดสาวโรงงานพร้อมพวก หลังตั้งวงแชร์ออนไลน์ตุ๋นเงินเหยื่อรวมกว่า 300 ราย หอบเงินกว่า 30 ล้านเข้ากลีบเมฆ ถูกตั้งค่าหัว 1 ล้านบาท
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 กรกฎาคม ที่ สภ.ปักธงชัย อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา กลุ่มผู้เสียหายจำนวนกว่า 30 คน โดยมีนางสาวนิภา คล้ายกระโทก อายุ 32 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ 1 ต.สำโรง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พร้อมพวก ซึ่งเป็นชาว อ.ปักธงชัย อ.โชคชัย และ อ.เมือง ได้นำเอกสารหลักหลักฐานมาพบ พ.ต.อ.ชนัตถ์ กวีขาวฉลาด ผกก.สภ.ปักธงชัย เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนางสาวปาลิตา ยันฉิมพลี อายุ 33 ปี และพวก ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
น.ส.นิภา เปิดเผยว่า ได้มีเพื่อนชักชวนดึงเข้าไปในกลุ่มเพจ ชื่อ “Palita paza” ซึ่งโพสต์ชักชวนให้ลงทุนโดยออมเงินเพื่อรับดอกเบี้ยในอัตราที่สูง สร้างแรงจูงใจให้นำเงินไปลงทุนครั้งแรก 10,000 บาท เพียง 10 วัน ได้ดอกเบี้ย 2,000 บาท จึงเริ่มเพิ่มวงเงินลงทุนจนเป็นหลักแสน ตลอดเวลา 1 ปี ได้รับดอกเบี้ยมาตลอด จนกระทั่งช่วงต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา มีปัญหาการส่งดอกเบี้ยจึงพยายามติดต่อทุกช่องทาง สอบถามกลุ่มเพื่อนที่ร่วมลงทุนไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน จึงนัดรวมตัวมาแจ้งความ คาดว่ามีผู้เสียหายกว่า 100 คน
ทั้งนี้ เจ้าของเฟซบุ๊กที่ชักชวนมาร่วมลงทุนในกลุ่มแชร์ คือ น.ส.ปาลิตา ยันฉิมพลี อายุ 33 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 64 หมู่ 13 ต.ตะขบ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา มีอาชีพพนักงานโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ในเขต อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา และ น.ส.พัลลภา ตรีปัก อายุ 30 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 203 หมู่ 15 ต.ตะคุ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา โดยมีแฟนของ น.ส ปาลิตา ซึ่งเป็นผู้พิการแขนลีบ ปฏิบัติงานรับโทรศัพท์อยู่ในละแวกสามแยกชลประทานโคราช เป็นผู้ชักชวนให้เหยื่อมาลงทุนและตั้งกลุ่มไลน์ มีสมาชิกกว่า 400 คน เพื่อเปิดวงแชร์ในชื่อต่างๆ จากนั้นได้หลบหนีไปไม่สามารถติดต่อได้ คงเหลือแฟนของ น.ส.ปาลิตา ซึ่งอ้างไม่มีส่วนรู้เห็นและได้แจ้งความระบุถูกนำชื่อไปกระทำผิด
ด้าน พ.ต.อ.ชนัตถ์ ผกก.สภ.ปักธงชัย กล่าวว่า เบื้องต้นทราบข้อมูลทางลับว่ามีกลุ่มผู้เสียหายที่มีอยู่หลากหลายสถานะ และกระจายอยู่หลายพื้นที่ได้ลงขันตั้งค่าหัวท้าวแชร์เป็นเงิน 1 ล้านบาท ผู้ถูกกล่าวหาเกรงจะได้รับอันตรายจึงหลบหนีไป ขณะนี้ได้ประสานธนาคารเจ้าของเลขบัญชี เพื่อระงับการทำธุรกรรมทางการเงิน เบื้องต้นมี 3 ธนาคาร พร้อมเตรียมรวบรวมหลักฐานเสนอต่อศาลจังหวัดนครราชสีมา เพื่ออนุมัติหมายจับ คาดจะมีผู้เสียหายทยอยมาแจ้งความอีกนับ 100 ราย
