จากกรณีที่บริษัทประกันภัย"สินมั่นคง" ได้ออกหนังสือชี้แจงถึงผู้เอาประกันกรณีขอยกเลิกประกันภัย การติดเชื้อไวรัสโคโรนา แบบ เจอ จ่าย จบ หรือ COVID 2 in 1 โดยระบุว่าต้องบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ และจำเป็นต้องใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์
ต่อมา นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า คปภ.ไม่เห็นด้วยกับการบอกเลิกประกันโควิดครั้งนี้ เพราะในสถานการณ์ที่ประชาชนกำลังเดือดร้อน ระบบประกันควรเข้ามาช่วยดูแลประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาทางสินมั่นคงไม่เคยแจ้งให้ คปภ.รับทราบมาก่อนว่าจะมีการบอกเลิก ดังนั้น คปภ.จึงจะเร่งหารือกับตัวแทนสินมั่นคง เพื่อขอให้ยกเลิกการออกประกาศบอกเลิกการประกันภัยโควิดโดยด่วน เพื่อให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนเหมือนเดิม แต่หากสินมั่นคงฯ ยังไม่ยอมทำตาม คปภ.ก็พร้อมยกระดับ ใช้แนวทางทางกฎหมายบังคับห้ามบอกเลิกประกันโควิด เพื่อให้คุ้มครองแก่ประชาชนต่อไป ซึ่งเป็นอำนาจของคปภ. ในฐานะนายทะเบียน
ด้านนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กทนายคู่ใจ ระบุว่า เรื่องนี้ผมมองว่า คปภ.ต้องออกคำสั่งมาให้ชัดเจน ว่าข้อสัญญาที่ระบุให้ยกเลิกสัญญาได้นั้นมีผลในทางกฎหมายหรือไม่อย่างไร
คือโอเคแหละว่า ประกันภัยโควิด จัดว่าเป็นสัญญาประเภทหนึ่งตามกฎหมายแพ่ง เมื่อเป็นสัญญาก็อาจมีการบอกเลิกสัญญาได้หากระบุเงื่อนไขไว้ในสัญญา ตามหลักกฎหมายแพ่งแต่สัญญาประกันภัยนั้นไม่ได้ยึดหลักแค่กฎหมายแพ่งเพียงอย่างเดียว ถึงแม้ว่าจะเป็นการทำสัญญากันระหว่างเอกชนต่อเอกชนด้วยกันก็ตาม แต่มันก็เป็นการทำสัญญาระหว่างนายทุนกับผู้บริโภค ซึ่งประชาชนอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ
ดังนั้นในทางกฎหมายจึงมีกฎหมายเฉพาะที่ออกมาคุ้มครองประชาชน ทั้งพ.ร.บ.ประกันวินาศภัย ,พ.ร.บ.ประกันชีวิต ซึ่งกรมธรรม์ประกันโควิดก็จัดว่าเป็นประกันวินาศภัยแบบหนึ่งนอกจากมีกฎหมายเฉพาะแล้ว ก็ยังมีหน่วยงานกำกับดูแลอย่างคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ.
ซึ่ง คปภ.เนี่ย ก็จะกำกับดูแลบริษัทประกันภัยทั้งหมดเลย ทั้งแบบเงื่อนไขของกรมธรรม์ทั้งหมด ตัวแทนขายประกัน เบี้ยประกัน การเคลมประกัน รวมถึงอนุญาโตข้อพิพาทประกันภัยคือแบบกรมธรรมน์ที่ระบุเงื่อนไขต่างๆก่อนที่จะเอาออกมาขาย จะต้องได้รับการอนุญาตจาก คปภ.ก่อน
เบื้องต้นผมเองก็ค้นไม่เจอเหมือนกันว่าไอ้ข้อสัญญาที่ระบุให้บริษัทประกันยกเลิกสัญญาได้นั้น ได้รับความเห็นชอบจาก คปภ.มาก่อนหรือไม่ หรือเป็นการระบุเพิ่มเติมภายหลังของบริษัทประกันเอง แต่ไม่ว่ากรณีจะเป็นเช่นไร คปภ. ก็มีอำนาจสั่งได้นะครับ ตามมาตรา 29 พ.ร.บ.ประกันวินาศภัยคือถึงแม้ข้อสัญญาจะระบุให้ยกเลิกได้ก็ตามแต่ และชอบตามแบบที่นายทะเบียนเคยให้ความเห็นชอบก็ตาม คปภ.ก็สามารถสั่งให้แก้ไข หรือยกเลิกได้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายของประชาชน
แต่ถ้าเป็นกรณีที่แบบกรมธรรม์ ข้อที่ระบุให้ยกเลิกสัญญานั้นไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของนายทะเบียนเลย แต่บริษัทประกันมาเพิ่มทีหลัง แบบนี้ ผู้บริโภคอย่างเราๆ สามารถเลือกได้นะครับว่าจะให้บริษัทประกันภัยรับผิดตามกรมธรรม์นั้นต่อไป หรือจะยกเลิกสัญญาเอาเบี้ยประกันคืน และไม่ว่าผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยจะใช้สิทธิดังกล่าวนี้ประการใดหรือไม่ ย่อมไม่เป็นเหตุให้บริษัทพ้นความผิดที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ (มาตรา 29 วรรคท้าย)
เรื่องนี้ไม่ยากครับ อยู่ที่ คปภ. เลยครับ ที่จะออกมาชี้แจงว่าแบบกรมธรรม์ที่ระบุเงื่อนไขยกเลิกสัญญาแบบนี้นายทะเบียนเห็นชอบด้วยไหม หากเห็นชอบ ก็กล้าๆจะสั่งยกเลิกหน่อย
แต่หากไม่เคยเห็นชอบเลย แต่บริษัทประกันมาเพิ่มเติมทีหลัง แบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนเลยครับว่าจะให้บริษัทประกันรับผิดตามสัญญา หรือจะเอาเงินคืน
ส่วนถ้าใครตกใจกับเรื่องนี้แล้วอยากได้ความชัดเจน หรืออยากให้ คปภ.ออกมาเทคแอคชั่นสั่งการเยียวยาแก้ปัญหาเดือดร้อน ทุกข์ใจของเรา ก็ช่วยรุมกันโทรไปแจ้งความเดือดร้อนของเราได้ที่เบอร์ 1186 ช่วยกันแชร์ ช่วยกันโทรนะครับ ผมเชื่อว่า คปภ.จะออกมาคุ้มครองประชาชนแน่นอนครับ