ศบค. เผยคลัสเตอร์ใหม่บางบ่อ 55 ราย กทม.ยอดยังเป็นอันดับ 1 ระบุ 27 จังหวัดผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์

วันนี้ (1มิ.ย.64) นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ประจำวันที่อังคารที่ 1 มิถุนายน ว่า ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 82 ของโลก พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 2,230 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 2,153 ราย ผู้ป่วยในเรือนจำ 77 ราย พบผู้ป่วยยืนยันสะสมทั้งหมด 162,022 ราย เสียชีวิตใหม่ 38 ราย รวมเสียชีวิต 1,069 คน

ผู้ติดเชื้อแบ่งเป็นในกรุงเทพมหานคร 864 ราย ปริมณฑล 548 รายและจังหวัดอื่นๆ 720 ราย พบว่าตัวเลขของจังหวัดอื่นๆ น้อยกว่ากรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่าผู้เสียชีวิตอยู่ที่กรุงเทพมหานคร 22 รายปริมณฑล 4 ราย จังหวัดอื่นๆ 10 รายและในเรือนจำ 2 ราย
ทั้งนี้นายแพทย์ทวีศิลป์ ระบุว่า จังหวัดที่พบผู้ป่วยรายใหม่ 10 จังหวัด ได้แก่กรุงเทพมหานคร 864 ราย, สมุทรปราการ 253 ราย, เพชรบุรี 166 ราย, ตรัง 164 ราย, นนทบุรี 112 ราย, สระบุรี 83 ราย, สมุทรสาคร 82 ราย, ปทุมธานี 61 ราย, ชลบุรี 47 ราย และนครปฐม 40 ราย

วันนี้มีการประชุมศปก.ศบค. ให้ความสำคัญกับการลักลอบเข้าประเทศรวมถึงมีการประชุม conference มาจากจังหวัดสระแก้ว ทั้งนี้ผอ.ศบค. ได้ให้นโยบายเน้นย้ำฝ่ายความมั่นคงกับฝ่ายความมั่นคงพื้นที่ขอบชายแดนต้องดูแลอย่างเต็มที่พบว่าในรอบ 24 ชั่วโมง มีผู้ลักลอบเข้าประเทศ 164 ราย จากกัมพูชา 78 คน เมียนมา 40 ลาว 9 ส่วนทางมาเลเซียไม่มีตัวเลขรายงาน ที่ประชุม ยังมีการหารือเรื่องของกรุงเทพมหานคร มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 800 กว่าคนอย่างกระจัดกระจายอยู่ในแต่ละเขตเหมือนเดิม แต่สิ่งที่สำคัญคือผอ.ศปก.ศบค. ได้มีมาตรการให้มีการกำหนดความเข้มงวดเป็นจุดๆ สิ่งที่เราได้เรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เสี่ยงเช่น ชุมชน ตลาด หรือแคมป์คนงาน ให้เฉพาะเจาะจงเพิ่มมาตรการให้ศบค.กทม. สั่งการให้มีการดูแลโดยแบ่งเป็นกลุ่มเขต ซึ่งมีรองปลัดกรุงเทพมหานครแต่ละคนช่วยกันดูแลและสนับสนุน

ส่วนกรณีมาตรการต้องปิดหรือการทำบับเบิ้ลแอนซีล ขอให้มีการพิจารณา โดยคำนึงถึงผลควบคุมโรค แต่ถ้าผลในด้านนี้ก่อให้เกิดผลทางสังคม เช่นการปิดแคมป์ หรือปิดตลาด จะทำให้แรงงานที่เคยทำงานอยู่ไม่มีงานทำ ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือที่สัมผัสโรคก็จะไม่ได้อยู่ในบริเวณนั้นและจะกระจายออกไป อาจจะนำพาโรคออกไปเขตอื่นได้ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจตอนนี้เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมทำให้เขาขับเคลื่อนได้ ดังนั้นมาตรการการปิดไม่ได้เป็นคำตอบทุกอย่าง จึงอยากสื่อสารกับพี่น้องประชาชนที่อยู่รอบโรงงาน รอบแคมป์ก่อสร้าง ที่ยังสงสัยว่าทำไมเครื่องจักรยังทำงานอยู่ นี่เป็นเป็นมาตรการที่ได้ประชุมและเรียนรู้ว่าการปิดไม่ได้เป็นคำตอบ แต่จะมีการล้อมกรอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ออกจากพื้นที่แต่ยังสามารถทำงานได้ในไซต์งานหรือโรงงาน เป็นมาตรการหนึ่งที่ใช้และได้ผลมาแล้ว

ส่วนการประชุมเรื่องของจังหวัดสระแก้วที่มีพื้นที่ติดกับประเทศกัมพูชา ซึ่งมีรายงานการเดินทางเข้าประเทศร่วม 1,000 คน เชื่อว่ามีการติดเชื้อจำนวนที่สูง ดังนั้นสิ่งที่ต้องการคือ คนที่ติดเชื้อจะต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม ซึ่งสาธารณสุขร่วมกันกับเอกชนช่วยกันดูแล ส่วนกรณีที่ไม่ป่วยจะต้องมีสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ในพื้นที่ ซึ่งคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดสระแก้วได้คอนเฟอเรนซ์เข้ามาว่า อาจจะไม่เพียงพอ จะขอพื้นที่เพิ่มเติมในจังหวัดใกล้เคียง ที่ประชุมได้เห็นชอบสนับสนุน เพราะการที่เปิดให้เข้าประเทศทางช่องทางถาวร ไม่ต้องลักรอบเข้าประเทศ ซึ่งจะต้องมีพื้นที่ให้เขาพักอาศัย ดังนั้นสถานที่กักกันที่จะเกิดในพื้นที่จังหวัดรอบๆ จะได้รับการดูแลจากศปก.ศบค.

ในภาพรวมของจังหวัดอื่นๆ เช่น ปทุมธานี พื้นที่กระจายในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พื้นที่เกิดการระบาดตลาดสี่มุมเมือง ผู้ป่วยรายใหม่ 58 ราย ยอดสะสมในคลัสตอร์ 1,582 ราย ส่วนพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ระบาดที่โรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูปจากสัตว์น้ำเนื้อสัตว์ เป็นชาวไทยและเมียนมาผู้ป่วยรายใหม่ 13 ราย ยอดสะสม 315 ราย ส่วนตลาดสำโรงผู้ป่วยรายใหม่ 7 ราย ยอดสะสม 58 ราย และพื้นที่บางบ่อโรงงานอาหารแช่แข็งผู้ป่วยรายใหม่ 55 ราย ซึ่งเป็นคลัสเตอร์ใหม่ ยอดสะสม 55 ราย สำหรับ จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยหรือมีรายงานเป็นศูนย์คือ 27 จังหวัด ประกอบด้วยปราจีนบุรี มหาสารคาม กาญจนบุรี กระบี่ ลำพูน ร้อยเอ็ด ลำปาง เพชรบูรณ์ พิจิตร ยโสธร นครพนม สกลนคร ตราด น่าน สุโขทัย ชุมพร พะเยา เลย แพร่ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี มุกดาหาร บึงกาฬ และสตูล

อย่างไรก็ตามภาพรวมการติดเชื้อลดลง แต่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังไม่ลดลง ส่วนการเดินทางผ่านด่านทางกัมพูชา และมาเลเซีย จะต้องมีความเข้มงวดเนื่องจากการติดเชื้อของประเทศมาเลเซียยังมีจำนวนที่สูงและสถานที่เสี่ยงยังเป็นโรงงาน แคมป์ก่อสร้าง ตลาด ชุมชนแออัด และในครอบครัว ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงอยู่