จากกรณีศาลปกครองกลางเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 35,000 ล้านบาท เพราะเห็นว่า คำสั่งกระทรวงการคลัง เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งให้เพิกถอนคำสั่งในการยึด และอายัดทรัพย์สินที่ขายทอดตลาด ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงมีคำถามว่า สินทรัพย์ที่มีการดำเนินการขายทอดตลาดไปแล้ว จะทำอย่างไรต่อไป
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2560 กระทรวงการคลังได้ขอให้กรมบังคับคดี ดำเนินการบังคับกับทรัพย์สินของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยขออายัดเงินฝากในบัญชีธนาคาร หน่วยลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์และกองทุนต่าง ๆ ซึ่งมีการส่งเงินตามคำสั่งอายัดมาเพียงจำนวน 7,937,174.58 บาท และได้มีการจ่ายเงินให้กระทรวงการคลังไปแล้ว
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังได้ขอให้กรมบังคับคดี ยึดที่ดิน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และห้องชุด อีกหลายรายการ รวมราคาประเมินทรัพย์สินเป็นเงิน 199,230,779.50 บาท ซึ่งปัจจุบันมีทรัพย์สินที่ขายทอดตลาดได้แล้ว 3 รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 49,510.00 บาท และทรัพย์รายการที่เหลืออยู่ในขั้นตอนของการประกาศขายทอดตลาด
ทั้งนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี อธิบายถึงการยึดทรัพย์มาแล้ว มีขายทอดตลาดออกไป เมื่อศาลปกครองกลางมีคำสั่งเช่นนี้จะดำเนินการเช่นไร ว่า คดียังไม่ถึงที่สุดก็หยุดเอาไว้ก่อน จะให้คืนไปคงไม่ได้ เพราะหากหลังจากนี้ศาลสั่งให้ยึดอีก ก็จะต้องเอากลับไปกลับมามันไม่ได้ กรณีนี้แค่หยุดไว้เท่านั้น อย่างเรื่องบ้านพักที่ซอยโยธินพัฒนา ก็ยึดไว้แต่ไม่ได้ทำอะไร
"อีกทั้งเจ้าของก็ยังคงอาศัยอยู่ เมื่อวันนี้ศาลปกครองมีคำสั่งก็ต้องหยุดไว้ทั้งหมด และดำเนินคดีในชั้นศาลปกครองสูงสุดต่อไป จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังซึ่งเป็นเจ้าทุกข์ที่จะดำเนินการต่อไปอย่างไร โดยจะมีอัยการมาช่วยดำเนินการให้"