"ม็อบวีแฟร์" บุกพรรคพลังประชารัฐ ทวงสัญญาตอนหาเสียง เคยทำอะไรสำเร็จบ้างมั้ย

วันนี้ (24 มี.ค.) เวลา 11.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มเครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม หรือวีแฟร์ (WE FAIR) ประมาณ 15 คน เดินทางมายื่นหนังสือกับตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ เพื่อทวงถามความคืบหน้าถึงรัฐสวัสดิการที่ทางพรรคได้เคยหาเสียงไว้ เช่น เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ จาก 400 บาท เป็น 425 บาท จบอาชีวะเงินเดือน 18,000 บาท จบปริญญาตรีเงินเดือน 20,000 บาท นโยบายมารดาประชารัฐ ค่าตั้งครรภ์ 3000 บาทต่อเดือน ค่าคลอดบุตร 10,000 บาท ค่าดูแล 1000 บาทต่อเดือน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1000 บาทต่อเดือนทุกช่วงอายุ ยกเว้นภาษีแม่ค้าออนไลน์ 2 ปี พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 4 ปี ตั้งกองทุนประชารัฐหมู่บ้านละ 2 ล้านบาท

นายชุลีพร ด้วงฉิม ตัวแทนกลุ่ม กล่าวว่า เราได้ทำหนังสือขอเข้าพบผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ เพื่อยื่นหนังสือทวงถามถึงการดำเนินนโยบาย แต่ไม่ได้รับการตอบรับ วันนี้เราจึงทำได้เพียงแค่ปราศรัยทวงสัญญารัฐสวัสดิการที่บริเวณทางเท้าหน้าพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น

ตัวแทนกลุ่มสลัม 4 ภาค กล่าวว่า ขอให้พรรคพลังประชารัฐปฏิบัติตามนโยบายที่หาเสียง หากทำไม่ได้จะรัฐบาลนี้จะยังเป็นรัฐบาลได้อย่างไร เพราะไม่รักษาคำพูดเราจะเชื่อถือได้อย่างไร วันนี้เราไม่มีความมั่นใจว่าจะรัฐบาลจะดูแลประชาชน หรือรัฐบาลที่ดูกลุ่มทุนกันแน่

ด้านนายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ กล่าวว่า เรามาเพื่อทวงสัญญารัฐสวัสดิการ ซึ่งเมื่อวาน (23 มี.ค.) เราได้มีการเดินทางไปยื่นหนังสือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคประชาชาติ เพื่อทวงถามนโยบายรัฐสวัสดิการที่เคยหาเสียงไว้ในวันที่ 24 มีนาคม 2562 เนื่องจากขณะนั้นพรรคการเมืองต่างโฆษณานโยบายรัฐสวัสดิการ แต่ผ่านมา 2 ปี กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ วันนี้เราจึงมาทวงสัญญา ว่าเหตุใดจึงไม่ดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียง เพราะประชาชนต่างต้องการเห็นรัฐสวัสดิการ ทั้งนี้หากพรรคการเมืองดำเนินการตามนโยบายรัฐสวัสดิการได้ครึ่งนึงเราจะไม่ต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 เพราะจะมีตาข่ายไว้รองรับ

นายนิติรัตน์ กล่าวว่า นโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เช่น มารดาประชารัฐ 2 ปีที่ผ่านมาเหตุใดจึงไม่ดำเนินการ สัญญาที่ให้กับประชาชนถือเป็นสัญญาประชาคมที่จะทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพประชาชน แต่ที่ผ่านมารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมาอ้างว่าไม่ทำไม่ได้ เพราะเป็นผู้นำรัฐบาล และเมื่อประกาศนโยบายแล้ว หากไม่ปฎิบัติตามจะถือว่าผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 258 นอกจากนี้การบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมาไม่ได้ปฏิบัติตามแนวนโยบายที่ให้สัญญาให้กับประชาชน ซึ่งแสดงถึงการไร้ความรับผิดชอบ สร้างความนิยมจากนโยบายที่ตีตาความยากจน เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเรามีข้อสังเกต 3 คือ 1. รัฐบาลชุดนี้เน้นสวัสดิการแบบอภิสิทธิ์ชนขาดความคิดแบบสวัสดิการถ้วนหน้า 2. รัฐบาลดำเนินนโยบายด้วยมายาคติมองว่าสวัสดิการประชาชนเป็นภาระงบประมาณ และ 3. การที่นายกรัฐมนตรีปัดตกกฎหมายประชาชนกฎหมายบำนาญ ถือได้ว่านายกรัฐมนตรีไม่เห็นหัวประชาชน เพราะพระราชบัญญัติฉบับนี้เสนอโดยประชาชน จึงสมควรที่จะต้องนำไปพิจารณาในสภาฯ และเราข้อเสนอต่อรัฐเพียงประการเดียว คือการสร้างรัฐสวัสดิการตามนโยบายที่หาเสียงไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้มีการประสานมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พหลโยธิน มาอำนวยความสะดวกและดูแลความเรียบร้อย ทั้งนี้ทางพรรคพลังประชารัฐได้ทำความเข้าใจกับวีแฟร์ โดยขอให้ปราศรัยได้เฉพาะบริเวณด้านหน้าพรรคถึงทางเท้าเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากกลุ่มวีแฟร์ได้ยื่นข้อเรียกร้องกับพรรคพลังประชารัฐ ได้มีกำหนดการต่อที่จะเดินทางไปยื่นข้อเรียกร้องกับพรรคประชาธิปัตย์ ในเวลา 13.00 น. เพื่อทวงถามนโยบาย เช่น เงินอุดหนุนเด็กตั้งแต่อายุ 0-8 ปี 1000 บาท เรียนฟรี ถึง ปวศ. จบแล้วมีงานทำ โครงการอาหารเช้า/กลางวันฟรีอนุบาลถึงม.3 การประกันรายได้แรงงาน 400 บาทต่อวันเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุปรับเพิ่มเป็น 1000 บาทต่อเดือนโครงการโฉนดสีฟ้าธนาคารที่ดิน ส่วนพรรคภูมิใจไทย เวลา 15.00น. เพื่อทวงถามนโยบาย เช่น นโยบายด้านสาธารณสุข การทำงานที่ออฟฟิศสัปดาห์ละ 4 วัน เรียนสัปดาห์ละ 4 วัน การเรียนออนไลน์ฟรีตลอดชีพ การแก้ไขหนี้ กยศ.