24 มกราคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทศพล ช้อยขุนทด อายุ 55 ปี เกษตรกร ผู้ปลูกกะหล่ำดอก หมู่ที่ 5 ตำบลลำมูล อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา รายหนึ่งได้เปิดเผยว่า แต่เดิมเขาเองมีอาชีพทำนาและปลูกอ้อย บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ แต่ต้องประสบกับปัญหาต่างๆ ทั้งราคาผลผลิตตกต่ำ โรคระบาด และภัยแล้ง รายได้ไม่แน่นอน เกิดปัญหาขาดทุน จนกระทั่งเมื่อ ได้ลองเปลี่ยนการผลิตข้าวและอ้อยเป็นปลูกต้นกะหล่ำดอกแทน จำนวน 1 ไร่ เนื่องจากเป็นพืชใช้น้ำน้อย เหมาะกับการปลูกบนพื้นที่ดอน และเป็นที่ต้องการของตลาดในช่วงนี้เป็นอย่างมาก
สำหรับการปลูกดอกกะหล่ำจะปลูกปีละ 2 ครั้ง ในช่วงเดือน ต.ค. - ม.ค. และช่วงเดือน ก.พ. - มิ.ย. ใช้ระยะเวลาปลูกเพียง 65 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตออกจำหน่ายได้ แล้วจะหยุดปลูกในช่วงฤดูฝน เนื่องจากต้นกะหล่ำดอกจะเกิดโรคไส้ซึม หรือ โรคเน่าดอกนอกจากนั้น
นายทศพลฯ ยังเปิดเผยอีกว่า ในพื้นที่ของตนจะมีการปลูกพืชแบบผสมผสาน คือ ในแปลงกะหล่ำดอก จะปลูกมะเขือเปราะ และพริกแซมไปด้วย ส่วนหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตออกแล้ว ก็จะปลูกพืชหมุนเวียนเป็นมะระ มะเขือยาว และแตงกวา สามารถสร้างรายได้เดือนละกว่า 20,000 -30,000 บาท มากกว่าการปลูกข้าวและอ้อย เนื่องจากในช่วงนี้ กะหล่ำดอกเป็นที่ต้องการของตลาด โดยจะมีพ่อค้า-แม่ค้า เดินทางมารับซื้อกะหล่ำดอกถึงสวน ทำให้เขาเองมีรายได้ดี มีเงินมาใช้จ่ายจุนเจือครอบครัวในช่วงที่มีการพี่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว