ลูกหนี้เจ๊ปากแดง โผล่แฉวีรกรรมสุดโหด

จากกรณี นายสกุล ศรีรักษา อายุ 49 ปี ส.อบต.บ้านคำนกกกหมู่ 1 ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ถูกนายทุนเงินกู้นอกระบบฉายา"เจ๊ปากแดง" ซึ่งมีออฟฟิศอยู่ที่ อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ สั่งให้สามีชื่อ"ดำ คลองตัน" พาลูกน้องรวมทั้งหมด 5 คน ยกไปรุมกระทืบในบริเวณที่จอดรถงานศพบ้านดอนสะฝาง ตงโพนทอง อ.บ้านแพง ก่อนจะชักอาวุธปืนพกสั้นจากเอวตบที่ใบหน้าด้านซ้ายจนมีแผลฉีกขาดเย็บ 3 เข็ม จนนายสกุลต้องตะโกนร้องให้คนช่วย แต่แก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหดยังรุมสกรัมจนสาแก่ใจ จึงพาเดินขึ้นรถยนต์ที่จอดติดเครื่องรอขับออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถือว่าเป็นการกระทำที่เย้ยกฎหมายบ้านเมืองเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เจ๊ปากแดงเคยท้าทายให้ลูกหนี้ไปแจ้งความ โดยอ้างว่าเคลียร์ทุกอย่างตกเดือนละเป็นแสนในพื้นที่ 3-4 จังหวัด ส่วนในพื้นที่ที่นายสกุลอาศัยอยู่เจ๊ปากแดงจ่ายให้เดือนละ 40,000 บาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว






ล่าสุด วันที่ 11 ธันวาคม 2563 เวลา 10.00 น. นายสกุลผู้เสียหายได้เดินทางไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.บ้านแพง พร้อมกับชาวบ้านอีกประมาณ 100 คน ที่มาให้กำลังใจกับนายสกุลที่ถูกทำร้าย โดยผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้าในคดีนี้ด้วย ปรากฏว่าพอรถผู้สื่อข่าวจอดหน้าอาคารข้างโรงพัก ก็มีชายสวมใส่เสื้อเหลืองรีบออกมาจากห้อง ยกกล้องโทรศัพท์มือถือถ่าย พร้อมกับกล่าวว่าขอถ่ายรูปนักข่าวเพื่อเป็นเกียรติที่ได้มาเยี่ยมโรงพักบ้านแพงสักหน่อย จากนั้นก็รีบส่งต่อไปยังผู้สั่งการอีกทอดหนึ่ง

ซึ่งนายสกุลได้เดินไปยังห้องพนักงานสอบสวน พบกับ พ.ต.ท.สุขสวัสดิ์ บัวอิ่น รอง ผกก.สอบสวน สภ.บ้านแพง ให้การว่านายดำคลองตันผัวของเจ๊ปากแดง ชักอาวุธปืนสั้นแบบแม็กกาซีนที่เหน็บอยู่ด้านหลังตบไปที่ใบหน้า 1 ครั้ง แล้วสั่งลูกน้องทั้งสี่คนว่า"เอามันให้ตาย" แม้จะมีคนขอร้องให้หยุดรุมทำร้ายพวกแก๊งเงินกูดอกเบี้ยโหดก็ไม่สนใจ เมื่อหนำใจก็พากันเดินไปขึ้นรถยนต์ที่มีคนติดเครื่องรอขับออกไป ตามที่เคยให้ปากคำไปก่อนนี้แล้ว








ขณะที่นายสกุลให้การกับพนักงานสอบสวน ก็มีนางจ่อย(นามสมมติ) ชาวอำเภอเซกา จ.บึงกาฬ พร้อมครอบครัวเดินทางมาให้กำลังใจด้วย โดยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าตนก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ถูกแก๊งเงินกู้ของเจ๊ปากแดงคุกคามและข่มขู่หลายครั้ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2563 เวลาประมาณ 18.00 น. ขณะที่ตนขับรถจักรยานยนต์ไปขายของ เจอแก๊งเจ๊ปากแดงระหว่าทาง จึงถูกกระชากกระเป๋าพร้อมดึงกุญแจรถ และจะเข้ารุมทำร้าย ตนจึงรีบวิ่งหนีเอาตัวรอดเข้าไปบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเจ๊ปากแดงกับลูกน้องเดินวนไปวนมาสักพัก ก็พากันขับรถยนต์ออกไป ตนจึงไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เซกา ไว้เป็นหลักฐาน

สาเหตุเกิดจากเมื่อปลายปี 2562 ได้กู้เงินกับเจ๊ปากแดงจำนวน 35,000 บาท ส่งเฉพาะดอกเบี้ยอย่างเดียววันละ 700 บาท ซึ่งตนก็ส่งดอกเบี้ยให้มาเรื่อย ๆ ทุกวัน เป็นเวลา 5 เดือน คิดเป็นเงิน 105,000 บาท กระทั่งช่วงโควิดจึงขอพักหนี้แต่เจ๊ปากแดงไม่ยอม พร้อมข่มขู่ต่าง ๆ นานา หรือขณะไปขายของเจอลูกน้องก็จะถูกตะโกนและขู่ทำร้าย จนตัวเองไม่กล้าขับรถ จยย.วิ่งบนทางปกติ ต้องหลบๆซ่อนๆจะไปไหนแต่ละครั้ง ต้องใช้ถนนลูกรังเป็นทางสัญจร

นางจ่อยเล่าต่อว่าตนก็เคยกู้เงินนอกระบบหลายเจ้า ก็ไม่เคยเหมือนกับรายของเจ๊ปากแดง เพราะเขาจะมีการอะลุ่มอล่วยกัน ถือว่าการปล่อยเงินกู้ของเจ๊ปากแดงโหดร้ายมาก อยากให้ทางผู้เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับแก๊งเงินกู้รายนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเดือนมีนาคม 2563 จังหวัดนครพนมล็อกดาวน์จังหวัด คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า นอกจากมีเหตุจำเป็นจริง ๆ จึงมีการตั้งด่านจุดตรวจตลอด 24 ชั่วโมง แต่สำหรับเจ๊ปากแดงสามารถเข้าออกได้ตลอดเวลา ซึ่งลูกหนี้ทราบจากเจ๊ปากแดงที่ไปคุยโวว่า มีพรรคพวกชื่อ"รองดอ" เป็นคนเคลียร์เส้นทางให้ จึงสามารถเข้ามาเก็บดอกเบี้ยลูกหนี้ทุกรายได้สะดวก โดยเจ๊ปากแดงจ่ายค่าส่วยให้รองดอเดือน 40,000 บาท ส่วนด้านคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตั้งข้อกล่าวหาตามคำให้การของนายสกุลผู้เสียหาย โดยจะขออมุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดนครพนมในวันจันทร์ที่จะถึงนี้