นางสาวลัดดา ตั้งสุภาชัยประธานอนุกรรมการเฝ้าระวังสื่อที่ไม่ปลอดภัยและไม่สร้างสรรค์กล่าวว่าปัญหาสื่อไม่ปลอดภัยเปลี่ยนไปจากแค่สื่อลามกและการพนันออนไลน์ที่ยังเป็นปัญหามาสู่ปัญหาการใช้ความรุนแรงต่อกันทั้ง cyberbullying และhate speech ยังไม่รวมถึงเรื่องfake news ที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันงานเฝ้าระวังจึงปรับตัวตามลักษณะปัญหา เน้นงานส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อหรือ medialiteracy ควบคู่กับงานเฝ้าระวังและการทำงานบูรณาการไปกับงานพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการยังมีแผนที่จะเสนอให้กองทุนมีศูนย์วิจัยสื่อหรือMedia Research Center ติดตามสถานการณ์การรับสื่อของประชาชนเพื่อเป็นข้อมูลในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง
สำหรับการแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อกันในสื่อไซเบอร์ต้องแก้ที่ต้นทางคือปัญญาความรู้เท่าทันของผู้รับสื่อซึ่งทางคณะอนุกรรมการฯได้เห็นชอบในเบื้องต้นแล้วต่อแผนการทำงานที่จะร่วมมือและสนับสนุนภาคี
นอกจากภาคีหลักคือกระทรวงวัฒนธรรมซึ่งมีศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมที่ทำงานควบคู่กันมาโดยตลอดแล้วยังมีภาคีอื่นๆ ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ เช่นยูเนสโก เพื่อร่วมกันผลักดันการรณรงค์และป้องกันแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
นอกจากนี้ จากการสำรวจของกรมสุขภาพจิตในปี 2562พบว่าร้อยละ35-40 ของเด็กมัธยมศึกษาเคยระรานหรือถูกระรานทางไซเบอร์ในส่วนของเรื่องข่าวปลอม ตัวเลขของประเทศต่างๆ คล้ายคลึงกันกล่าวคือร้อยละ50-70แล้วแต่กลุ่มอายุได้รับข่าวปลอมสม่ำเสมอ ราวร้อยละ 30-40เคยแชร์ข่าวปลอม และมีเพียงราวร้อยละ 5-10เท่านั้นที่เคยมีการตรวจสอบแหล่งข่าวจนรู้ว่าเป็นข่าวปลอม และในส่วนของประทุษวาจาหรือการใช้คำพูดรุนแรงต่อกันกำลังเป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกโดยเป็นการกระทำต่อกลุ่มชาติพันธุ์ ชนกลุ่มน้อยทางศาสนา ตลอดจนกลุ่มการเมือง
จากการประชุมระดมความคิดร่วมกับนักกฎหมายเห็นตรงกันว่าคำพูดที่รุนแรงสร้างความเกลียดชังอาจเป็นปัญหาได้โดยเฉพาะกรณีประทุษวาจาที่ยกระดับไปสู่การข่มขู่หรือยั่วยุให้มีการทำร้ายกันถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ได้จับตาดูแนวโน้มนี้ร่วมกับนักวิชาการและมีความห่วงใยต่อสังคมในเรื่องนี้มาโดยตลอดการให้ทุนสนับสนุนที่ผ่านมาเป็นการให้เพื่อริเริ่มนวัตกรรมสื่อเพื่อศึกษาและพัฒนาแนวทางลดปัญหาความรุนแรงในสื่อแบบนี้ลง
ร่างแผนยุทธศาสตร์ชาติ 3 ปีเพื่อการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ที่ผ่านการเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้วและแผนยุทธศาสตร์ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เอง ก็มุ่งที่จะให้การสนับสนุนการรับมือความรุนแรงในสื่อไซเบอร์อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะนวัตกรรมสันติวิธี เพิ่มพื้นที่การพูดคุยข้ามความแตกต่างไม่เฉพาะเรื่องการเมืองแต่ทุกเรื่องที่มีหลายมุมมอง มุ่งสร้างวัฒนธรรมเอื้อเฟื้อ (civility)การคิดอย่างใคร่ครวญ (thoughtfulness) และความเข้าใจกัน(mutual understanding) ที่อาจเริ่มจากประเด็นทั่วไปที่มีคนสนใจมากเช่นเรื่องสุขภาพ อาหาร การเงิน สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงภัยพิบัติธรรมชาติต่างๆซึ่งในระยะยาวก็อาจก้าวไปสู่การมีพื้นที่พูดคุยความคิดที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ได้ในประเด็นที่ซับซ้อนขึ้นอย่างการเมือง ศาสนา เป็นต้น