ชำแหละเหตุผล "การบินไทย"ขายเครื่องบิน เชื่อเป็นผลดีระยะยาว

5 พฤศจิกายน 2563 ทวิตเตอร์ "สาระการบินน่ารู้" ซึ่งเป็นทวิเตอร์ที่แบ่งปันความรู้หรือเรื่องต่างๆทางด้านการบิน ได้ทวิต 10 ข้อความ วิเคราะห์สาเหตุ ผลกระทบ และทิศทางของการบินไทย กรณีประกาศขายเครื่องบิน 34 ลำ ระบุว่า..
การบินไทยปรับลดฝูงบินลงกว่า 30 ลำนั้นเกิดอะไรขึ้นและมีผลกระทบอย่างไรต่ออนาคตการบินไทย?
อย่างที่ข่าวการปรับลดฝูงบินครั้งใหญ่ของการบินไทยออกไปแล้วซึ่งการปรับลดครั้งนี้มีจุดเด่นคือ 1. B777-200 2.777-300 3.747-400 ซึ่งถือว่าเป็นม้างานของการบินไทยมาโดยตลอด
แต่เมื่อโรคระบาด COVID-19 มาถึงแน่นอนว่าฝูงบินที่มีอายุเยอะเหล่านี้ (บางลำอายุเยอะกว่าผู้เขียน) จึงเป็นตัวเลือกแรกๆที่จะต้องตัดออกจากการบินไทยเพื่อลดต้นทุนในการบริหารจัดการ โดยเฉพาะเรื่องของต้นทุนด้านงานซ่อมบำรุง ทั้งนี้การลดฝูงบินจะเป็นผลดีอย่างไรมาติดตามกันครับ
1) Fleet commonality การใช้อากาศยานที่มีความคล้ายคลึงกัน ลดรุ่นหรือแบบของลงทำให้ประหยัดในหลายด้านอาทิ การฝึกอบรมนักบินและลูกเรือ, การสำรองอาไหล่อากาศยานในคลัง ทำให้สายการบินนั้นสามารถลดค่าใช้จ่ายที่เคยเกิดขึ้นในอดีตกับการบินไทยได้ค่อนข้างมาก ซึ่งอากาศยานที่เหลือนั้นก็จะมี
1) Airbus A330-300 : 15 ลำ
2) Airbus A350-900 : 12 ลำ
3) Boeing 777-200ER : 6 ลำ
4) Boeing 777-300ER : 14 ลำ (กำลังจะมาเพิ่มอีก 3 ลำ) = 17 ลำ
5) Boeing 787-8 = 6 ลำ
6) Boeing 787-9 = 2 ลำ
7) Airbus A380-800 = 6 ลำ
รวมทั้งหมดนี้การบินไทยจะเหลือฝูงบินที่ 64 ลำ

พอจับกลุ่มแยกกันแล้วนั้นจะพบว่านักบินสามารถทำ type rating ในลักษณะควบคู่กันซึ่งสามารถทำการบินได้ในอากาศยานสองแบบคือ
1) Airbus A350 / Airbus A330
2) Boeing 777 / Boeing 787
ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการบริหารต้นทุนเช่นการฝึกอบรมทั้งการเปลี่ยนแบบอากาศยานหรือฝึกประจำปีต่างๆ
2) More fuel efficiency แน่นอนว่าเครื่องบินรุ่นใหม่ๆนั้นย่อมใช้เครื่องยนต์ที่พร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้เดินทางได้ประหยัดมากขึ้นซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนที่สายการบินจะต้องแบกรับต่อที่นั่งหรือเที่ยวบินนั้นลดลงไปด้วย (อารมณ์เหมือนรถรุ่นเก่ากับรถรุ่นใหม่นั้นหล่ะครับ)
3) More comfortable เครื่องบินรุ่นใหม่ๆที่การบินไทยคงเหลือไว้นั้นแน่นอนว่ามีผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างทันสมัยให้บริการแก่ผู้โดยสาร (เช่นที่นั่งโดยสาร, ระบบความบันเทิงตรงที่นั่งโดยสาร) ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารนั้นลดความเสี่ยงในการเจอผลิตภัณฑ์ที่เก่าและหลายคนพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด

นอกจากนี้ More comfortable ยังหมายถึงเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกใส่เข้ามาในห้องโดยสารอาทิ ระบบไฟในห้องโดยสารหรือแม้กระทั้งระบบปรับอากาศของห้องโดยสารที่สามารถปรับความดันอากาศในห้องโดยสารได้ดีขึ้นทำให้ผู้โดยสารมีความรู้สึกสบายตลอดการเดินทางไม่เหนื่อยล้าจากการเดินทาง ผิวไม่แห้ง เป็นต้น
สำหรับการเคลื่อนไหวของการบินไทยครั้งนี้ ผู้เขียนขอชื่นชมนะครับว่า เริ่มมาในทางที่ถูกต้องและสมควร ส่วนในอนาคตนั้นผู้เขียนมองว่า การบินไทยเองอาจจะมาเติบโตได้อีกครั้งหลังจบวิกฤต COVID-19 นี้ แต่อาจจะเติบโตอย่างช้าๆ การบินไทยอาจจะทำการบินด้วยปลายทางที่ลดลงหรือความถี่อาจจะไม่เท่าเดิม
เพราะอากาศยานที่เคยถูกใช้งานในเส้นทางบินภูมิภาคเอเซียเป็นหลักอย่าง 777-200 และ 777-300 นั้นถูกปลดประจำการทั้งหมด ส่วนการที่จะหาเครื่องบินที่มาทดแทนนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ต้องว่าด้วยอนาคตในระดับไกลๆเลยทีเดียวและขนาดองค์กรก็ต้องเล็กลงส่วนองคาพยพอื่นก็ต้องย่อยเป็นบริษัทออกไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องบินไทยแจงแล้วเหตุขายเครื่องบิน 34 ลำการบินไทยเปิดไฟล์ทพิเศษ 'มงคลบนฟากฟ้า' ผ่าน 99 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์"การบินไทย" ประกาศขายเครื่องบิน 34 ลำ ประคองธุรกิจ