ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนพฤศจิกายน โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 54.15 56.61 บาท/ กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ4.11 8.85 เนื่องจากความต้องการใช้ยางพาราภายในประเทศ และต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณผลผลิตยางพาราออกสู่ตลาดน้อยลง จากการขาดแคลนแรงงานและยางแผ่นรมควันขาดตลาด เนื่องจากเกษตรกรหันไปขายน้ำยางพาราสดกันมากขึ้น
มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 1.74-1.79 บาท/ กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.58 3.47 เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลผลิตปี 2563/64 ผลผลิตออกสู่ตลาดยังไม่มาก ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในการส่งออก เพิ่มสูงขึ้นจากตลาดประเทศจีนที่ต้องการนำไปทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีปริมาณสต็อกคงเหลือลดลง ปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 5.20 - 5.40 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.20 7.78 เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ประกอบกับราคาน้ำมันปาล์มดิบยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น
น้ำตาลทรายดิบ ตลาดนิวยอร์ก ราคา อยู่ที่ 14.79-14.87 เซนต์/ปอนด์ (10.24-10.29 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50-1.00 เนื่องจากได้รับปัจจัยจาก ความกังวลกับสภาวะอากาศที่แห้งแล้งในประเทศบราซิล และสหภาพยุโรป จนอาจทำให้ผลผลิตอ้อยลดลง ส่งผลให้ผลผลิตน้ำตาลลดลง ขณะที่มีความต้องการนำเข้าน้ำตาลของประเทศจีนเพิ่มขึ้น
สุกร ราคาอยู่ที่ 78.3478.84 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.661.31 เนื่องจากความต้องการสุกรมีชีวิต จากประเทศเพื่อนบ้าน ยังคงมีอย่างต่อเนื่องจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ประกอบกับคาดว่าความต้องการเนื้อสุกรภายในประเทศจะเพิ่มขึ้น จากมาตรการวันหยุดเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ
กุ้งขาวแวนนาไม ราคาอยู่ที่ 133.25 134.00 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนร้อยละ 0.19 0.75 เนื่องจากอากาศที่เริ่มเย็นลง ทำให้กุ้งเจริญเติบโตช้า เกษตรกรชะลอการเพาะเลี้ยงตามการแปรปรวนของภูมิอากาศในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล ในขณะที่ความต้องการของตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับมาตรการวันหยุดเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ส่งผลให้ความต้องการกุ้งเพิ่มขึ้น
ส่วนสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ประกอบด้วย ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15%ราคาอยู่ที่8,547-8,739 บาท/ตันลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.45-3.62 เนื่องจากผลผลิตข้าวนาปีออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับผู้นำเข้าข้าวบางส่วน ยังคงมีสต็อกข้าวเพียงพอจึงชะลอการนำเข้า ข้าวข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 11,180-11,433 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 4.20-6.31
ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวราคาอยู่ที่ 12,112-12,332 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.61-3.36 เนื่องจากการเข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญาในช่วงครึ่งปีหลังของประเทศไทย ทำให้ปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูกข้าว โดยคาดว่าผลผลิตข้าวนาปี ส่วนใหญ่ที่จะออกสู่ตลาดเดือนพฤศจิกายน จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับโรงสียังคงประสบปัญหาสภาพคล่อง ทำให้ระบายข้าวหอมมะลิออกสู่ตลาดในช่วงนี้ เพื่อรองรับข้าวฤดูกาลใหม่ และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5%ราคาอยู่ที่7.39-7.42บาท/ กิโลกรัม ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50-1.00 เนื่องจากอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่นแรก ที่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากขึ้น ส่งผลให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดต่อเนื่อง