svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"จตุพร"เปิดทางคนเสื้อแดงร่วมชุมนุม19ก.ย.นี้

16 กันยายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"จตุพร พรหมพันธุ์" ย้ำม็อบขอให้ยึดเป้าหมายการชุมนุม พร้อมกำหนดเส้นทางเคลื่อนขบวนให้ชัด เตือนรัฐอย่าขวางเพื่อเลี่ยงปะทะ แนะต้องอำนวยความสะดวกให้คุ้มครอง ยึดแนวทางนายกฯรักษาลูกหลานปลอดภัย เผยคนเสื้อแดงร่วมชุมนุมเป็นเสรีภาพ

(17 กันายน 2563) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวเรียกร้องทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและรัฐเน้นสันติวิธี พร้อมประสานงานดูแลความปลอดภัยโดยยึดหลักอำนวยความสะดวกต่อเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ

นายจตุพร กล่าวถึงคนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. ถือเป็นเสรีภาพการแสดงออกทางการเมือง เพราะจุดยืนคนเสื้อแดงไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ ส่วนปริมาณคนจะมาร่วมชุมนุม 19 ก.ย. ส่วนตัวเชื่อว่ามากกว่าจำนวน 5 หมื่นคน ที่ฝ่ายมั่นคงของรัฐคาดเอาไว้รวมทั้งประเมินว่าสถานการณ์ชุมนุม 19 ก.ย. จะอยู่ในพื้นที่ธรรมศาสตร์หรือสนามหลวงก็ตาม ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สร้างแรงปะทะให้เกิดการกระทบกระทั่งกันแล้ว การชุมนุมคงไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงใดๆ

"แต่ถ้าถูกบีบไม่ให้เข้าที่ธรรมศาสตร์ และยังมาบีบไม่ให้เข้าที่สนามหลวงอีก ผู้ชุมนุมต้องเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เมื่อเจ้าหน้าที่ตั้งด่านที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นั่นจะเป็นจุดปะทะที่สำคัญ เพราะถึงที่สุดผู้ชุมนุมต้องเดินทางไปถึงปลายทางตามเป้าหมายที่ทำเนียบรัฐบาลอยู่แล้ว"นายจตุพร กล่าวและว่า สิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง คือ เส้นทางที่อยู่นอกประกาศการเคลื่อนไหว เนื่องจากการชุมนุมแต่ละครั้งนั้นไม่รู้ว่า ใครเป็นใคร และอาจถูกพวกไม่หวังดีสร้างสถานการณ์แทรกซ้อนขึ้นมาได้

อย่างไรก็ตาม ถ้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยืนยันปิดประตู ไม่ให้ใช้พื้นที่ชุมนุม ขณะที่ผู้ชุมนุมก็ประกาศตัดโซคล้องประตูเข้าไป จะเป็นชนวนแรก ทำให้เกิดแรงปะทะขึ้น และขาดความร่วมมือในการรักษาความปลอดภัย แต่ถ้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เปิดประตูให้เข้าแล้ว การร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย ผู้ชุมนุม กับเจ้าหน้าที่ จะดูแลความปลอดภัยกันได้

นอกจากนี้ เช่นเดียวกัน ถ้าเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ชุมนุมที่สนามหลวง ก็ไม่เกิดแรงปะทะ แต่สั่งห้ามเข้าพื้นที่แล้ว ผู้ชุมนุมคงเดินไปทำเนียบรัฐบาล และถ้าระหว่างการเดินทางไปนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำตามที่พูดว่า จะดูแลความปลอดภัยให้ลูกหลานแล้ว จะลดความสูญเสียจากการกระทบกระทั่งทั้งปวง และปัญหาคงไม่เกิดขึ้น และส่วนตัวเชื่อว่า ความแข็งแรงของการชุมนุมนั้น อยู่ที่แนวทางสันติวิธี อยู่ที่การประกาศเป้าหมายให้ชัดเจน ยึดตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ 2 จุดยืน 1 ความฝัน ไม่มากไปกว่านี้ เชื่อว่าเหตุการณ์ต่างๆจะไม่เกิดขึ้น

ส่วนการเคลื่อนไหวไปทำเนียบรัฐบาล ต้องประกาศเส้นทางให้ชัดเจน เพราะบ่งบอกว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์นอกเหนือจากเส้นทางที่ประกาศแล้ว ผู้กระทำการนั้นๆ ต้องรับผิดชอบ อีกทั้ง เชื่อว่าการประสานงานที่ชัดเจนของทุกฝ่ายนั้น จะสกัดการแทรกแซงเหมือนกรณี 6 ตุลาฯ 2519 ไม่ให้กระทำการใดๆได้

"ผู้ผ่านการชุมนุมมาแล้ว ย่อมรู้ว่า เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนั้น จะเป็นจุดเปลี่ยนของการชุมนุมทุกครั้ง ไม่ว่า 14 ตุลาฯ พฤษภาฯ 35 หรือเมษา-พฤษภา 53 ก็ตาม เพราะเหตุการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในแผน ซึ่งไม่รู้ว่าใครออกแบบ จัดการอะไรให้กันนั้น ท้ายที่สุดคือจุดเปลี่ยนของสถานการณ์ทั้งสิ้น"ประธาน นปช. กล่าวและว่าอีกอย่าง คือ การชุมนุมเป็นการแสดงสิทธิเสรีภาพ ซึ่งผู้ชุมนุมโดยสงบต้องได้รับความคุ้มครองจากรัฐตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ แต่การตั้งข้อหาไม่ว่าผิดพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ หรือข้อหาอื่นๆนั้น คงไม่สามารถยุติการชุมนุมได้เลย

นอกจากนี้ ส่วนตัวย้ำถึงจุดยืนว่า ยังชัดเจนและอยู่ในบริบทการคัดท้าย เพื่อให้การชุมนุมเดินไปตามเป้าหมายสิทธิเสรีภาพ โดยเชื่อว่า สักวันหนึ่งหลายคนจะเข้าใจการกระทำของตน ส่วนการสร้างอารมณ์ร่วมในสังคมนั้น ถ้าสังคมไม่เข้าใจพื้นฐานประชาธิปไตย อยู่บนความแตกต่างกันแล้ว ใครชนะก็ปกครองไม่ได้

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (16ก.ย.) ต้องการว่า ฝ่ายที่ชนะได้รับการยอมรับและปกครองกันได้ ออกแบบกติกาให้เป็นประชาธิปไตย เสียงข้างมากได้บริหารประเทศ การเลือกตั้งต้องสุจริต ฝ่ายแพ้อยู่อย่างมีเหตุผล รัฐบาลประชาธิปไตยต้องยึดเสียงข้างมาก ฟังเสียงข้างน้อย ดังนั้น การสร้างวัฒนธรรมการเมืองของไทย ต้องเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยไปสู่ความแตกต่างต้องอยู่ร่วมกันได้ และต้องรู้ว่ากำลังทำอะไรกันบ้าง

"ผมรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ผมไม่มีวันทรยศต่อขบวนการต่อสู้ ผมมีจุดยืน และยึดหลักการพูดคุยเพื่อลดความรุนแรง และให้เกิดสันติวิธี นอกจากนี้พี่น้องคนเสื้อแดงมีใจให้ขบวนการคนหนุ่มสาวทั้งสิ้น ผมเข้าใจสถานการณ์ และผมรู้เวลาของผมเช่นเดียวกัน รวมทั้งผมต้องการให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประสบชัยชนะเพื่อเป็นความหวังในอนาคต" นายจตุพร กล่าว

สำหรับการเคลื่อนขบวนนั้น ถ้าวันที่ 19 ก.ย.ทั้งฝ่ายรัฐและฝ่ายผู้ชุมนุมและประชาชน ไม่ประสงค์จะมีเรื่องแล้ว ฝ่ายรัฐต้องอำนวยความสะดวกดูแลความปลอดภัย เข้มงวดกับจุดที่จะเกิดการสร้างสถานการณ์ทั้งหลาย และอย่าขัดขวางผู้ชุมนุม แล้วจะไม่มีปัญหาอะไร

logoline