คาดขยายสนามบินกระบี่เสร็จปี 65 รองรับผู้โดยสาร 8 ล้านคน/ปี

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้าง อาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 พร้อมปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 1,2 พร้อมอาคารจอดรถยนต์และโครงการก่อสร้างลานจอดเครื่องบินพร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน โดยมีพันตำรวจโท หม่อมหลวง กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายทวี เกศิสำอาง อธิบดีกรมท่าอากาศยาน หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมและลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการฯดังกล่าว

ในการนี้ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน ได้รายงานความคืบหน้าของโครงการฯ ซึ่งขณะนี้ภาพรวมการก่อสร้างโครงการฯ มีรายละเอียดดังนี้

- โครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 พร้อมปรับปรุงอาคารที่พักหลังที่ 1,2 และอาคารจอดรถยนต์ ในกรอบวงเงิน 2,923,400,000 บาท (สองพันเก้าร้อยยี่สิบสามล้านสี่แสนบาท) ก่อสร้างโดย บริษัท คริสเตียนีและนีสเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) โครงการดังกล่าว เริ่มต้นสัญญา วันที่ 20 กันยายน 2561 คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2565 โดยเมื่อแล้วเสร็จ จะมีพื้นที่รองรับผู้โดยสารจาก 1,500คนต่อชั่วโมง เป็น3,000 คน ต่อชั่วโมง หรือจาก 4 ล้านครต่อปี เป็น 8 ล้านคนต่อปี และอาคารที่จอดรถยนต์ สามารถรองรับได้ 2,000 คัน โดยจัดให้มีที่จอดรถสำหรับคนพิการไว้ให้ด้วย โดยมีความคืบหน้าแล้วเสร็จ 29.63 % (ข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2563 )

- โครงการก่อสร้างลานจอดเครื่องบินพร้อมระบบไฟฟ้าสนามบินในกรอบวงเงิน 863,000,000 บาท ( แปดร้อยหกสิบสามล้านบาท ) ก่อสร้างโดย กิจการร่วมค้า ที.พี.พี.ซี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564 โดยเมื่อแล้วเสร็จสามารถรองรับอากาศยาน โบอิ้ง 737 จากเดิม 10 ลำ เป็น 40 ลำในเวลาเดียวกัน โดยมีความก้าวหน้าของงานก่อสร้าง 91.68 เปอร์เซ็นต์ ( ข้อมูล ณ เดือน สิงหาคม 2563)
ปัจจุบันท่าอากาศยานกระบี่เปิดให้บริการเส้นทางการบินภายในประเทศ จำนวน 4 สายการ บินได้แก่ สายการบินไทยสมายล์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ และสายการบินเวียดเจ็ท มีจำนวนเที่ยวบินประมาณ 20 เที่ยวบิน (ไป - กลับ) ในเส้นทาง กรุงเทพฯ - กระบี่ กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ - กระบี่ -เชียงใหม่ เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยว

พร้อมกันนี้ รวค. ได้ เน้นย้ำให้ ท่าอากาศยานกระบี่ ยังคงต้องตามปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด แบบ New Normal โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการตรวจคัดกรองของทุกท่าอากาศยานในสังกัด ให้ดำเนินการคัดกรองผู้โดยสารอย่างต่อเนื่องเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและดูแลผู้โดยสารในแต่ละจุดอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งกำชับให้ผู้โดยสารทุกคนสวมหน้ากากอนามัย การตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก การจัดจุดพักคอยที่มีการเว้นระยะห่าง จัดจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ มีการจัดจุดสแกนคิวอาร์โค้ด "ไทยชนะ" เพื่อเก็บข้อมูลของผู้โดยสาร ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมและเน้นย้ำให้พนักงานทำความสะอาดสิ่งอำนวยความสะดวกภายในท่าอากาศยาน ทั้งก่อนและหลังเสร็จสิ้นการให้บริการเที่ยวบิน เพื่อให้ผู้ใช้บริการ ณ ท่าอากาศยาน ที่อยู่ในความ ปลอดภัยจากเชื้อโควิด -19