บ.ราชาเฟอรี่ พร้อมกู้ซากเรือต้นเดือนก.ย.นี้

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 26 ส.ค.2563 บริษัทท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด(มหาชน) แถลงแผนปฏิบัติการกู้ซากเรือราชา 4 ที่บรรทุกรถ 10 ล้อพ่วงบรรทุกก้อนขยะจำนวน 3 คัน ซึ่งมีปริมาณขยะ 90 ก้อน น้ำหนักประมาณ 90 ตัน อับปางลงกลางทะเลสมุย เมื่อวันที่ 1 เดือนสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 คน และมีผู้รอดชีวิตจำนวน 11 คน

โดยทางด้าน นายอภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทางบริษัท ได้ทำการว่าจ้างบริษัท เอ็ม.เอส.เซอร์วิส จำกัด ที่มีความเชี่ยวชาญในการกู้เรือเป็นผู้ดำเนินการกู้ซากเรือราชา 4 ซึ่งก่อนการกู้เรือจะต้องส่งแผนการกู้เรือไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวรับทราบแผนการกู้ทั้งหมด โดยทางบริษัทราชาเฟอร์รี่จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกู้ทั้งหมด โดยทางบริษัทรับกู้เรือได้ดำเนินการดำสำรวจซากเรือ ร่วมถึงสภาพในตัวเรือตั้งวันที่ 16 ส.ค.2563 ที่ผ่าน ซึ่งการดำสำรวจในครั้งนี้ทีมดำสำรวจได้กู้ร่างผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ในเรือจำนวน 2 คน ขึ้นมาได้ นอกจากนี้ยังทำการดำสำรวจสภาพขยะที่บรรทุกอยู่ในรถ 10 ล้อพ่วง ว่ามีสภาพความเสียหายหรือไม่ เพื่อนำข้อมูลมาประกอบแผนในการเก็บกู้

ซึ่งทางด้าน นายวิโรจ กุลวิโรตตมะ ประธานกลุ่มบริษัท เอม.เอส.เซอร์วิส จำกัด กล่าว จากข้อมูลทีมประดาน้ำได้ดำสำรวจจุดที่เรือราชา 4 อับปปางพบว่า เรือมีลักษณะคว่ำหน้า ตะแคงไปทางด้านขาว ส่วนบรรทุก 10 ล้อพ่วง ที่บรรทุกขยะยังอยู่ในตัวเรือทั้ง 3 คัน พร้อมขยะที่ยังอยู่ในส่วนบรรทุกของรถ ซึ่งแผนการเก็บกู้ทางบริษัท จะต้องนำเรือที่มีติดตั้งเครนขนาดใหญ่จำนวน 2 ตัว ขนาด 600 และ 200 ตัน ในการเก็บกู้ โดยก่อนดำเนินการกู้ทางบริษัทจะให้ทีมประดาน้ำ นำตาข่ายลงไปติดที่รถพ่วง เพื่อป้องกันไม่ให้ขยะหลุดออกมา ก่อนที่จะนำสลิงเข้าไปผูกต่อกับตัวเรือ ก่อนที่จะทำการยกให้เรืออยู่ในแนวตั้ง จากนั้นก็จะมีการดำลงไปสำรวจอีกครั้ง พร้อมนำตาข่ายคลุมรถพ่วงเพิ่มอีกชั้น โดยขั้นตอนต่อไปก็จะมีการแยกพ่วงออกจากกันทั้ง 6 พ่วง เพื่อจะทำการยกแต่ละพ่วงขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อจะได้นำทั้งรถพ่วงและขยะจัดเก็บเรือบรรทุกขนาดใหญ่นำกลับเข้าฝั่ง ก่อนที่จะทำการกู้ซากเรือเป็นขั้นตอนสุดท้าย