ชาวเน็ตโฟกัส นักดับเพลิงสาว สวยทะลุควันไฟ

โลกโซเชียลได้แห่แชร์ นักดับเพลิงสาวสวย ที่เข้าไปช่วยดับไฟเหตุเพลิงไหม้ชุมชนตากสิน 23 โดยทางเจ้าตัวก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพเหตุการณ์เมื่อคืน โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก ซานุ๊ก โซแซส ได้โพสต์ข้อความโดยระบุว่า " เหตุเพลิงไหม้ บ้านเมื่อคืน ซอยตากสิน 23 เสียหายมากกว่า 80 หลังคาเรือน " ซึ่งสาวนักดับเพลิงรายนี้ได้เข้าไปให้การช่วยเรื่องเหตุไฟไหม้ เนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 12 สิงหาคม ได้เกิดไฟไหม้บ้านเรือนชาวบ้านชุมชนตากสิน 23 ทำให้ได้รับความเดือดร้อน จากนั้นได้มีหน่วยที่เกี่ยวข้องเข้าไปให้การช่วยเหลือ แต่ชาวเน็ตดันไปโฟกัส นักดับเพลิงสาวหน้าฝรั่ง ที่นอกจากหน้าตาจะสวยมากๆแล้ว ยังจิตใจดีช่วยเข้าไปดับเพลิง

หลังเรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปทำให้มีชาวเน็ตแห่เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย " ท่ากินน้ำอย่างชิว,อยากไปอยู่ทีมงานนี้จริงๆมีงานทำเกือบทุกวัน,ใครเขาใช้ฝรั่งมาดับเพลิงครับเนี้ย,ไหม้ครั้งใหญ่เท่าที่พี่เคยเห็น พี่ดูถ่ายทอดสดมื้อคืนน่ากลัวมาก ๆน้องนุ๊กสู้ตายจริงๆ ครับผม,สวยและจิตใจงาม,เชฟตีเตัวเองด้วย สู้ๆๆ,สุดยอดครับ,สุดยอดเลยครับขอติดตามอีกนึงคนนะครับ FC ,#นางฟ้าผจญเพลิง,สุดยอดนักผจญเพลิง ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย "

จากเหตุการณ์พลิงไหม้ ภายในซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 23 ทำให้มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ต้องไร้ที่อยู่นับร้อยคน ได้มีการจัดสถานที่ให้เข้าไปพักอาศัยชั่วคราวที่วัดสันติธรรมาราม ซึ่งอยู่ไม่ไกลที่เกิดเหตุ ซึ่งวันนี้ นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ปลัดกรุงเทพมหานคร ก็ได้มาตรวจเยี่ยมชาวบ้าน พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ทางด้านนางสาวกนกวรรณ เอี่ยมลิ้ม ผู้อำนวยการเขตธนบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีบ้านได้รับความเสียหาย 76 หลังคาเรือน จึงได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการไว้เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ที่วัดสันติธรรมาราม ซึ่งวันนี้จะเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป ซึ่งชาวบ้านสามารถแจ้งความจำนงหากต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม อีกทั้งยังมีการตั้งจุดรับบริจาคสิ่งของช่วยเหลือด้วย รวมทั้งเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับบริจาคเงินช่วยเหลืออีกทาง
สำหรับเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถวครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้นแบบโบราณ ปลูกเรียงกันเป็นแถวยาวกว่า 300 ห้อง เพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีควันดำกระจายไปทั่วท้องฟ้า และแสงเพลิงสว่างจ้าไปทั่วบริเวณ จนสามารถมองเห็นเป็นระยะไกลหลายกิโลเมตร ชาวบ้านต่างก็แตกตื่นวิ่งหนีตาย ขนทรัพย์สินออกจากบ้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้รถดับเพลิงหลายสิบคัน ระดมฉีดน้ำสกัดกั้นเพลิง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงได้ ชุมชนแห่งนี้ เมื่อปี 2561 เคยเกิดเพลิงไหม้มาแล้ว สร้างความเสียหายกว่า 100 หลังคาเรือน ซึ่งเพียง 2 ปี ผ่านไป ก็มาเกิดเหตุซ้ำอีก