svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

รัฐบาล ยันปรับครม.ไม่กระทบแผนอีอีซี

31 กรกฎาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รัฐบาล ยืนยันการปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงเวลานี้ การดำเนินโครงการอีอีซีจะไม่สะดุด หลังเอกชนกังวลโครงการถึงจุดจบยุคสมคิด รับยังเดินหน้าตามแผนทุกอย่าง พร้อมรอลงนามเอกชนสร้างท่าเรืออุตสาหกรรมแหลมฉบังระยะ 3 เร็วๆ นี้

(31 กรกฎาคม 2563) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีภาคเอกชนและประชาชนหลายคนมีข้อกังวลว่าการปรับคณะรัฐมนตรีอาจมีผลต่อความต่อเนื่องของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยรัฐบาลยืนยัน ว่าโครงการอีอีซียังเดินหน้าต่อ และในปัจจุบันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสําคัญของอีอีซี ก็ได้ลงนามกับคู่สัญญาไปเรียบร้อยแล้ว และการก่อสร้างก็มีความคืบหน้าไปมาก โดยมีสํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เป็นผู้ติดตามความก้าวหน้าการดําเนินงาน



"ขอให้ประชาชนและภาคเอกชนสบายใจและมั่นใจได้ว่า นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ให้ความสำคัญขับเคลื่อนการลงทุนในไทยและในพื้นที่ อีอีซี ผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม โดยมี สกพอ. ที่เป็นหน่วยงานหลักในการติดตามดูแลการดำเนินงานโครงการอีอีซี  การปรับครม.จึงไม่กระทบต่อความต่อเนื่องของโครงการแต่อย่างใด และนอกจากความก้าวหน้าของโครงการก่อสร้างพื้นฐาน สกพอ.ได้ เดินหน้าควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรร่วมกับสถาบันการศึกษาและเอกชน เพื่อรองรับการจ้างงานในอีอีซี เป้าหมาย จำนวนหลักแสนอัตรา ระยะเวลา 62-66" น.ส.รัชดา กล่าว



สำหรับปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานสําคัญในอีอีซีมาหลายโครงการ ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ 3 โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก นอกจากนี้ยังมีโครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (อีอีซีดี) ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทําร่างเอกสารคัดเลือกเอกชนเพื่อรับฟังความเห็นอีกครั้ง ก่อนสรุปผลการดําเนินงานต่อคณะกรรมการคัดเลือก เพื่อพิจารณาแนวทางการดําเนินงานโครงการต่อไป 



อย่างไรก็ตามแม้จะมีการยื่นขอการลงทุนในอีอีซีลดลงในช่วง เม.ย.-มิ.ย. เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด19 แต่คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นจากนี้เป็นต้นไป เพราะยังมีนักลงทุนที่ต้องการย้ายการลงทุนสืบเนื่องจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ และ 3 อันดับแรกของประเทศที่เข้ามาลงทุนประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์

logoline