วันที่ 30 ก.ค.2563 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(โฆษก ตร.) กล่าวถึงกรณีพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) มีคำสั่งสำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.ว่า หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งเรื่องขอตัว พล.ต.อ.วิระชัย กลับต้นสังกัดเนื่องจากกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงเรียบร้อย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ส่งเรื่องไปยังกองวินัยดำเนินการกระทั่ง มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หลังจากมีคำสั่งตั้งวินัยร้ายแรง
จากนั้น กองกฎหมายและคดีได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ด้วยกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสำรองราชการ พ.ศ.2548 ข้อ 3 (1) ระบุว่ากรณีข้าราชการตำรวจที่ถูกตั้งคณะกรรมการวินัยร้ายแรงต้องมีการดำเนินการเรื่องสำรองราชการ ผบ.ตร.จึงมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย สำรองราชการ การสำรองราชการเป็นกระบวนการหนึ่งเป็นไปตามที่ ก.ตร.กำหนดไว้ พล.ต.อ.วิระชัย ยังรับราชการตำรวจอยู่ แต่ตำแหน่งปัจจุบันคือสำรองราชการ รับเงินเดือนตามปกติ โดยท่านสามารถต่อสู้ทั้งทางวินัยและคดีอาญาตามปกติทุกอย่าง เพียงแต่ขณะนี้ไม่ได้ดำรงตำแหน่ง "รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" เท่านั้น
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่า การที่ ผบ.ตร.มีคำสั่งสำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย นั้น ได้อาศัยเนื้อหาสาระการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ส่วนรายละเอียดการดำเนินการอยู่ที่คณะกรรมการวินัยร้ายแรงที่มี พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานสอบสวนตามกระบวนการ ซึ่งกฎได้กำหนดห้วงเวลาไว้แล้ว ต้องรอฟังจากคณะกรรมการก่อนที่จะรีบด่วนสรุป