
โดยนายสธนธร ได้เล่าว่าเมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ขณะที่ตนและแฟนสาวไปออกไปทำงาน และปิดบ้านเอาไว้อยู่ๆ ได้มีเพื่อนบ้านโทรศัพท์เข้ามาถามว่าตนจะขายบ้านเหรอ ขายเท่าไหร่ทำให้ตนตกใจและบอกว่าไม่ได้ขายแต่เพื่อนบ้านยืนยันว่ามีป้ายประกาศขายติดอยู่ที่หน้าบ้านพร้อมถ่ายรูปส่งมาให้ตนดูตนจึงรีบขับรถกลับมาดู พบว่าไม่มีป้ายดังกล่าวแล้วและได้รับแจ้งว่ามีบ้านที่อยู่ในซอยเดียวกันแต่อยู่บ้านซอยก็มีคนเอาป้ายลักษณ์เดียวกันมาปิดไว้ที่หน้าบ้านเหมือนกันซึ่งที่บ้านหลังดังกล่าวได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ที่หน้าบ้านและบันทึกภาพคนที่นำมาติดเอาไว้ได้ซึ่งเป็นผู้ชายที่เอามาป้ายมาติด และผู้หญิงใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปก่อนที่จะเดินออกไปซึ่งป้ายประกาศขายมีข้อความเหมือนที่เพื่อนบ้านส่งรูปมาให้ดู ซึ่งมีข้อความว่าเจ้าของขายเอง ราคา-ถูก บ้าน-สวย และเบอร์โทร
ตนจึงได้ขับรถตระเวนหาในหมู่บ้านได้พบคนที่เอาป้ายมาติดอยู่ในซอย4ในหมู่บ้านที่ตนอยู่ เหมือนเขากำลังตระเวนเข้าตามซอย ซึ่งตนคิดว่าบ้านหลังไหนที่รีโนเวทใหม่ ตนว่าเข้าน่าจะจะเป็นการแปะป้ายและถ่ายรูปอะไรประมาณนี้ ตนก็ออกตามหาจนกระทั่งไปพบ3ผู้ต้องสงสัย เป็นชาย1หญิง2ตนก็เลยเข้าไปถามว่าติดทำไมติดได้ด้วยเหรอ เขาก็บอกว่าขอติดเพื่อที่จะเอาไปประเมินราคา ตนก็ตอบว่ามันใช่เหรอ มันคือหลักการที่ถูกต้องหรือเปล่ากับนายหน้าขายบ้าน เพราะเขาอยู่ในกลุ่มของขายบ้านมือสอง และยังมีคนแจ้งว่าเขาเอาโลโก้ของบริษัท เดอะ เบสท์ ไปใช้ด้วยโดยทางบริษัท เดอะ เบสท์ จะเดินทางมาแจ้งความไปแล้ว ตนก็เลยมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ตอนก็อยากถามว่าสิทธิของเจ้าของบ้านอยู่ไหน อยู่ดี ๆ ก็มีคนเอาป้ายประกาศขายบ้านที่ตนเองพักอาศัยอยู่ทุกวันมาติด ซึ่งบ้านหลังนี้ตนและครอบครัวก็พักอาศัยอยู่ทุกวัน และเกรงว่าคนที่นำป้ายมาติดจะนำรูปที่มีป้ายประกาศขายไปหลอกขายให้ชาวบ้าน และอีกอย่างหนึ่งอาจะทำให้คนภายนอกเข้าใจผิดดูแคลนครอบครัวตน
ขณะที่ น.ส.ศิวพรแก้วแสงจันทร์ อายุ27ปี ซึ่งได้รับมอบอำนาจบริษัท เดอะ เบสท์ พร็อร์ตี้ เอเจน จำกัด ให้เข้าลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่า มีผู้แอบอ้างนำป้ายซึ่งมีชื่อบริษัท เดอะ เบสท์ พร็อร์ตี้ เอเจน จำกัด ไปประกาศขายอาคารที่อยู่อาศัยโดยการกระทำดังกล่าวทางบริษัท ฯ ไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการประกาศขายอาคารที่อยู่อาศัยหลังดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งทางบริษัท เกรงว่าจะเกิดความเสียหายต่อบริษัท จึงได้มาแจ้งความไว้เพื่อเป็นหลักฐาน