svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ศาลอาญายกฟ้อง "ศุภชัย-สหกรณ์คลองจั่นฯ" คดีฉ้อโกงเงินพันล้าน

30 มิถุนายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลอาญา พิพากษายกฟ้อง "ศุภชัย" อดีต ปธ.สหกรณ์คลองจั่น คดีฉ้อโกงประชาชนสูญพันล้าน 2 สำนวน แต่ตอนนี้เจ้าตัวยังติดคุกคดีทุจริตยักยอกเงินสหกรณ์ 22 ล้านเป็นของตัวเอง

วันนี้ (30 มิ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลพิพากษายกฟ้อง สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 63 ปี อดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่นฯ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ในคดีที่ น.ส.นวลฉวี เกตุวัฒนเวสน์ กับพวกรวม 410 คน เป็นโจทก์ฟ้อง
โจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างปี 2552 - 2556 สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด จำเลยที่ 1 โดยมี นายศุภชัย จำเลยที่ 2 ในฐานะประธานคณะกรรมการ ได้โฆษณาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปทราบว่ากิจการของจำเลยที่ 1 เป็นธนาคาร มีสถานะทางการเงินมั่นคง ความจริงแล้วจำเลยที่ 1 เป็นเพียงสถาบันการเงินเพื่อชุมชนเท่านั้น ไม่มีสถานะเป็นธนาคาร
การที่จำเลยที่ 1 โฆษณาเผยแพร่ว่าตนเองมีสถานะเป็นธนาคาร มีสถานะทางการเงินที่มั่นคงและน่าเชื่อถือ สามารถจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์พิเศษในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ธนาคารพาณิชย์อื่นพึงจ่ายได้ เป็นเหตุให้โจทก์และประชาชนหลงเชื่อ ทำให้จำเลยทั้งสองได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินของโจทก์จำนวนทั้งสิ้น 1,115,567,027.51 บาท เหตุเกิดที่แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.และทั่วราชอาณาจักร จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า แม้ในขณะเกิดเหตุ นายศุภชัย จำเลยที่ 2 จะดำรงตำแหน่งประธานสหกรณ์ฯ ก็ตาม แต่ในการบริหารงานและดำเนินกิจการต่างๆ ก็จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการดำเนินการซึ่งเป็นผู้แทนจำเลยที่ 1 โดยผ่านมติของที่ประชุมใหญ่ หาใช่นายศุภชัย จะเป็นผู้มีอำนาจสั่งการแต่เพียงผู้เดียวไม่

เมื่อโจทก์ทั้ง 410 คน กล่าวอ้างว่า นายศุภชัย กระทำความผิดและมีผู้ที่ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบให้ได้ความชัดเจนว่า นายศุภชัย กระทำการหลอกลวงโจทก์ทั้ง 410 คนและประชาชนอย่างไร มีเพียงพยานบุคคลซึ่งมิได้รู้เห็นการกระทำของจำเลยที่ 2 โดยตรงมาเบิกความเพียง 3 ปาก เท่านั้น
พยานหลักฐานของโจทก์ ยังมีข้อสงสัยตามสมควรว่า นายศุภชัย จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง
นอกจากนี้ศาลอาญา ยังมีคำพิพากษายกฟ้องสหกรณ์ฯคลองจั่น และนายศุภชัย อีกคดีหนึ่ง เป็นคดีที่นายคนอง จุลมนต์ กับพวกรวม 292 คน โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนโดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบแล้ว สหกรณ์คลองจั่นฯ เป็นสหกรณ์ให้บริการเฉพาะสมาชิก โจทก์ทั้ง 292 คน ย่อมทราบว่าเป็นสหกรณ์ ซึ่งจำเลยที่ 1 ก่อตั้งมายาวนาน สามารถจ่ายผลตอบแทนได้เป็นเวลานาน ทำให้มีสมาชิกเพิ่มขึ้น มิใช่ถูกจำเลยที่ 1 หลอกลวงตามที่กล่าวหา จำเลยที่ 2 เป็นหนึ่งในผู้แทนดำเนินการตามกรอบวัตถุประสงค์ ส่วนที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ดำเนินการขาดทุนและมีการตกแต่งบัญชีนั้น โจทก์ไม่ได้นำพยานหลักฐานมาแสดงเรื่องการขาดทุน ไม่นำผู้ตรวจบัญชีมาเบิกความถึงข้อบกพร่อง มีคำเบิกความของผู้รับมอบอำนาจซึ่งไม่ใช่สมาชิก ไม่มีพยานหลักฐานแสดงว่าเป็นเท็จอย่างไร และจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1-2 กระทำทุจริตฉ้อโกง พิพากษายกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตัวนายศุภชัยนั้น ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาได้พิพากษายืนให้จำคุก 7 ปี ฐานยักยอกเงินสหกรณ์ฯ จำนวน 22,132,000 บาท เป็นของตนเองโดยทุจริต ไม่รอลงอาญา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายศุภชัยยังคงมีคดีอาญาที่ถูกฟ้องซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอีกหลายสำนวน ทั้งความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินที่ได้จากการทุจริตสหกรณ์คลองจั่นฯ ด้วย

logoline