
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า หนึ่งในนโยบายของรัฐบาล คือการพัฒนาเศรษฐกิจแบบ "BCG Economy Model" ซึ่งเป็นการบูรณาการแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจใน 3 มิติ ได้แก่ Bio Economy (เศรษฐกิจชีวภาพ) Circular Economy (เศรษฐกิจหมุนเวียน) และ Green Economy (เศรษฐกิจสีเขียว) มาใช้วางแนวทางในการพัฒนาประเทศ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า สามารถนำทรัพยากรที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ หรือปล่อยของเสียออกสู่สภาพแวดล้อมให้น้อยที่สุด
สสว. จึงได้นำนโยบายดังกล่าวมาขับเคลื่อนสู่ภาคธุรกิจ ภายใต้โครงการ SME Regular Level โดยมีเป้าหมาย 3 ด้าน ได้แก่ 1. เพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ 2. การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และ 3. การบริหารทุกทรัพยากรให้คุ้มค่าและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ดังนั้น นอกจากการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตไปข้างหน้าแล้ว การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน ซึ่งทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และส่งผลต่อเทรนด์การตลาด ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือมีกระบวนการผลิตที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวยังสอดคล้องกับนโยบายของ สสว. ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ โดยการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ SME เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจตามวิถีใหม่ หรือ New normal มุ่งเน้นขับเคลื่อนผู้ประกอบการ SME ใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Early Stage) ผู้ประกอบการที่เข้มแข็ง (Regular) และกลุ่มล้มลุก (Turn around) ให้สามารถอยู่รอดและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ภายใต้บริบทการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีกรอบแนวทางในการพัฒนา ทั้ง 3 มิติ ได้แก่ 1. การเปลี่ยนแปลงรูปแบบดำเนินธุรกิจ (Business Transformation) สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด 2. การผลักดันธุรกิจให้เชื่อมโยงกับตลาด ในภูมิภาค (Globalization) ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SME มีโอกาสเชื่อมโยงและพึ่งพากันในระดับภูมิภาคเอเซียในรูปแบบออนไลน์ (Digital Based) และ 3. การเชื่อมโยง (Future Network) มีการสร้างสังคมแห่งการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการ SME ในประเทศและสร้างเวทีในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้
นายวีระพงศ์ กล่าวว่า กรอบการพัฒนาที่กล่าวมานี้ สามารถนำแนวคิด BCG Economy Model มาประยุกต์ร่วมเพื่อสร้างความยั่งยืนของธุรกิจได้ในทุกๆ แนวทาง ซึ่งตรงกับเป้าหมายของทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่พยายามผลักดันและส่งเสริมผู้ประกอบการสู่ Green Business โดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนเป็นหลักและตรงกับบทบาทของ สสว. ที่เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนและเพิ่มศักยภาพ SME โดยการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อผลักดันการส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ให้สามารถเติบโตและแข่งขันได้ในระดับสากล
ดังนั้น สสว. จึงได้ร่วมกับ ส.อ.ท. จัดสัมมนา "GREEN BUSINESS เทรนด์ธุรกิจ เพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมบนเส้นทาง Online และ Offline" ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต (SME Regular Level) ปี 2563 รวมทั้งมาชี้แจงแนวทางการสนับสนุนช่วยเหลือ SME ในวันนี้ และนับเป็นโอกาสอันดีที่ได้มีโอกาสมาพบปะกับผู้ประกอบการ SME ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการในปีนี้และสนใจเกี่ยวกับการนำแนวคิดเรื่อง Green Business ไปปรับใช้ในธุรกิจของแต่ละท่าน
ด้าน นายสรกิจ มั่นบุปผชาติ รองประธานสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. ได้ใช้แนวคิด BCG Economy Model มาขับเคลื่อนภาคธุรกิจให้เข้าสู่การบริหารจัดการธุรกิจแบบยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์และมูลค่าสูงสุด เป้าหมายในการส่งเสริมและพัฒนามุ่งเน้นไปในกลุ่มอุตสาหกรรมภาคการผลิตเป็นหลัก
โดยให้ความรู้และให้คำปรึกษาเชิงลึกใน 5 ประเด็นสำคัญ คือ 1. การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม 2.การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency) 3.การใช้ของเสียให้เป็นประโยชน์ (Waste Beneficiation) 4.การใช้น้ำภาคอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ (Water Efficiency) และ5. อาคารสีเขียว (GREEN Building)
สำหรับการจัดงานสัมมนาในวันนี้ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่อยู่ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต (SME Regular Level) ปี 2563 ที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมร่วมกับสถาบัน SMI ส.อ.ท. ดำเนินการ โดยมีเป้าหมายให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการจำนวน 700 ราย กระจายไปในภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ กรุงเทพฯ นครศรีธรรมราช อุดรธานี สระบุรี และลพบุรีโดยเน้นให้เห็นนโยบายขององค์กรขนาดใหญ่ที่ปรับการตลาดตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับเกียรติจาก บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มาถ่ายทอดแนวคิด รวมทั้งการนำเสนอกรณีศึกษาจากผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลในการประกวดนวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาด โครงการ GEF UNIDO CEANTECH ขององค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization : UNIDO) มาสร้างแรงบันดาลใจและถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่ SME ได้เห็นถึงประโยชน์และแนวทางการพัฒนาของผู้ประกอบการรายเล็กที่เติบโตแบบก้าวกระโดดจากการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กร รวมถึงการสัมมนาครั้งนี้ยังให้ความรู้เกี่ยวกับการตลาดที่ตอบโจทย์ชีวิตแบบ New Normal เพื่อผู้ประกอบการจะสามารถนำไปปรับกลยุทธ์การขายในองค์กรต่อไปได้ และที่ขาดไม่ได้คือการเชื่อมโยงผู้ประกอบการกับสถาบันการเงิน
"การสัมมนาในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและสร้างแรงจูงใจให้ภาคอุตสาหกรรมนำแนวคิด BCG Economy Model มาขับเคลื่อนภาคธุรกิจให้เข้าสู่การบริหารจัดการแบบยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์และมูลค่าสูงสุด ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตแบบก้าวกระโดด กระจายโอกาส กระจายรายได้ และนำความมั่งคั่งไปสู่ผู้ประกอบการและชุมชนอย่างทั่วถึง และมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนต่อไป"