ภายหลัง สถานการณ์โรคไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19 ของจังหวัดภูเก็ต คลี่คลาย โดยมี กงสุลและกงสุลกิตติมศักดิ์จาก 16 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย ลักซ์แซมเบอร์ก รัสเซีย เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ สวิสต์เซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ ออสเตรีย เม็กซิโก เอาโธเนีย ฟินแลนด์ ชิลี นอร์เวย์ เยอรมันนี และ เดนมาร์ก ได้เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้
นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในการประชุมร่วมกันว่า จังหวัดภูเก็ต มีผู้ติดเชื้อจำนวน 227 ราย ขณะนี้ รักษาหายกลับบ้านแล้วทั้งหมด และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย ปัจจุบันนี้ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 10 วัน นอกจากนี้ ทางจังหวัดภูเก็ตได้อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ตเดินทางกลับมาตุภูมิแล้วกว่า 2,827 คน จากจำนวน 24 ประเทศ
สำหรับแนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและประเทศ ขณะนี้รัฐบาลมีมาตรการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมโดยการกู้เงินจำนวน 1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น แผนงานด้านการสาธารณสุข 45,000 ล้านบาท แผนงานโครงการเยียวยา 555,000 ล้านบาท และ กรอบวงเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 400,000 ล้านบาทขณะที่กงสุล และ กงสุลกิตติมศักดิ์ ประเทศต่างๆ ประจำจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวขอบคุณจังหวัดภูเก็ต ที่ให้การดูแลช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นอย่างดี
โดยนักท่องเที่ยว ยังคงมีความเชื่อมั่นและอยากจะเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตอีก เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมทั้งได้แสดงความคิดเห็นต้องการให้จังหวัดภูเก็ต จัดกิจกรรมนำคณะทูตจากประเทศต่าง ๆ เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้เห็นภาพแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดภูเก็ต
โดยในเรื่องนี้ ผู้ว่าฯภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัด ได้เตรียมโครงการดังกล่าวไว้แล้ว และ ได้หารือกับกระทรวงการต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติจะสามารถดำเนินการโครงการต่าง ๆ ได้ต่อไป ส่วนข้อเสนอที่อยากจะให้กระทรวงการต่างประเทศมีการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เกิน 30 วัน ในกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาใช้บริการด้านการแพทย์ในประเทศไทย หากมีการจัดทำโครงการ Medical Hub สำเร็จเกิดเป็นรูปธรรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จะดำเนินการร่วมกับสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวจังหวัดภูเก็ต เพื่อเสนอต่อกระทรวงการต่างประเทศให้พิจารณาต่อไป