svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

สะเทือนขวัญ ป่าภูเหล็กไฟ(1) : การหายตัวน้องชมพู่

กลายอีกหนึ่งเหตุสะเทือนขวัญกับการเสียชีวิตของน้องชมพู่ เด็กน้อยวัย 3 ขวบ จากครอบครัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านทางภาคอีสาน ซึ่งห่างไกลความเจริญที่เต็มไปด้วยพิษภัยสังคมที่วุ่นวาย ความสูญเสียนี้ นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดให้กับพ่อแม่ญาติพี่น้องแล้ว ยังกลายเป็นคำถามที่สังคมรอคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น

ย้อนเวลากลับไป ในช่วงสายของวันที่ 11 พ.ค.2563 ที่หมู่บ้านกกกอก ต.กกตูมอ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เกิดเหตุไม่คาดฝันกับครอบครัวของน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบเมื่อเธอได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะอยู่ภายในบ้านพักกับพี่สาว โดยที่พ่อ-แม่ ออกไปทำงานที่สวนปล่อยให้พี่สาวของน้องชมพู่เป็นคนดูแล แต่เพียงพี่สาวเผลอหลับไป เมื่อตื่นขึ้นก็ไม่พบน้องชมพู่อยู่ในบ้านเรียกหาเท่าไรก็ไม่มีแม้แต่เสียงขานตอบกลับ พี่สาวจึงเริ่มกังวลถึงอันตรายที่จะเกิดกับน้องชมพู่จึงบอกให้พ่อแม่รู้ถึงเหตุการณ์ไม่คาดฝันครั้งนี้


หลังจากข่าวแพร่สะพัด หลายคนในหมู่บ้านก็เริ่มช่วยกันตามหาแต่ก็ไม่พบจึงได้แจ้งให้ทางตำรวจช่วย ซึ่งก็ได้ระดมกำลัง ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองผู้นำชุมชนท้องถิ่น และจิตอาสากว่า 500 คน เดินปูพรมหาแทบทั้งตำบลกกตูม ที่มี 12หมู่บ้าน ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นตำบลที่ใหญ่มาก แต่ก็ยังไม่พบ ด้วยชัยภูมิของหมู่บ้านกกกอกนั้นติดกับเทือกเขาภูพานน้อยเขตอุทยานแห่งชาติภูผายล ที่เป็นเทือกเขาที่มีเขตติดต่อถึง 3 จังหวัด "สกลนครนครพนม และ มุกดาหาร"


ตลอดทั้งวันของวันที่ 11 พ.ค.ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบตัวน้องชมพู่ญาติเริ่มหวั่นวิตกมากขึ้นจนพระอาทิตย์ลาลับไป ก็ไม่พบตัวน้อง ขณะเดียวกัน ในโลกของโซเชียลก็มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เพื่อให้ช่วยกันหาตัวอีกแรงแต่ก็ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับน้องชมพู่

เข้าสู่เช้าวันที่ 12 พ.ค. เป็นวันที่ 2ของการค้นหาน้องชมพู่ เจ้าหน้าที่ ชาวบ้าน อาสาสมัครยังคงค้นหาต่อไปส่วนทางญาติได้มีการทำพิธีทางไสยศาสตร์ควบคู่กันไป ตามความเชื่อที่อยู่คู่กับเมืองไทยแต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่พบ ความกระวนกระวายใจของญาติยิ่งร้อนระอุกว่าอากาศในยามนั้น


ล่วงเลยเข้าวันที่ 3 ของการติดตามค้นหาความยิ่งเลื่อนลางในการพบตัว แต่หลายคนในหมู่บ้านยังเชื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์แต่ความหวังก็ค่อยๆ มอดไหม้ ตามแสงของตะวันที่หมดไปอีกหนึ่งวัน


4วันแห่งการปูพรมแถบพลิกแผ่นดิน ก็มาพบเบาะแสสำคัญจากปากของนางตุน พรมงอย วัย 70 ปีชาวบ้านตำบลจันทร์เพ็ญ อ.เต่างอย จ.สกลนคร นักล่าของป่าที่มีความชำนาญและออกมาเก็บเห็ดป่าบนเทือกเขาภูพานบอกว่าพบรองเท้าเด็กสีเขียว อยู่ในป่าเขาภูเหล็ก แต่ไม่พบตัวเด็ก ด้วยในใจก็นึกว่าในป่าลึกแบบนี้จะมีเด็กขึ้นมาเล่นได้อย่างไรจึงตัดสินใจเดินป่าหาเห็ดต่อกับสามีของเธอ จนกลับมาที่บ้านพักแล้วมาเล่าให้ลูกฟังกระทั่งมารู้ว่าที่ต.กกตูม มีเด็กหายจึงรีบนำข้อมูลนี้ไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่และญาติทราบ

นางตุน ถือว่าเป็นพยานปากสำคัญในการค้นหาตัวน้องชมพู่ ที่กระชับพื้นที่ได้แคบที่สุดตลอด 3วันที่ผ่านมา โดยช่วงบ่ายคล้อยจนเกือบเย็น นางตุนได้นำเจ้าหน้าที่เดินลัดเลาะตามป่าเขาเข้าไปในจุดที่ชาวบ้านเรียกกันว่า"ป่าเขาภูเหล็กไฟ" ห่างจากหมู่บ้านกกกอก ประมาณ 2 กิโลเมตร จุดแรกที่ไปตรวจคือตรงที่พบรองเท้าจากนั้นตำรวจ ข้าราชการท้องถิ่น อาสาสมัครก็กระจายกำลังกันหาบริเวณโดยรอบพื้นที่

ค้นหาไม่นานก็พบร่างน้องชมพู่ห่างจากจุดพบรองเท้าเพียง 5 เมตร ในสภาพเปลือยเปล่านอนหงาย กางแขน - ขามีรอยขีดขวนตามร่างกาย น้ำลายฟูมปาก ตาถลนคล้ายถูกบีบคอ เป็นภาพที่น่าสลดใจให้กับผู้ที่ค้นหาและญาติโดยเฉพาะหัวอกคนเป็นพ่อแม่ ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ก็พบเสื้อแขนยาว สีขาว กางเกงขายาวสีชมพู และกางเกงในสีขาว ที่ห่างจากตัวน้องชมพู่ 2 - 3 เมตร


ช่วงสุดท้ายของการค้นหาตลอด 4 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทุกนายทำงานแข่งกับเวลาเพราะเป็นพื้นที่ป่า ลำบากต่อการค้นหา ประกอบกับฟ้าเริ่มมืดลงทุกขณะ เมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าถึงจุดพบศพในช่วงเวลาดึกจึงต้องเร่งเก็บหลักฐานให้ได้มากที่สุดเพราะ นี่คือสิ่งสุดท้ายที่จะอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องชมพู่