นายกฯ" สั่ง รมว.ยุติธรรม เดินหน้ายึดทรัพย์ยาเสพติด

การประชุมคณะรัฐมนตรีประจำวันที่ 28 เมษายน 63 ยังคงเป็นการประชุมแบบวิดิโอคอนฟิเร้นซ์ โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า มี 2 ประเด็นที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงความเป็นห่วง คือ 1.การเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเหตุการณ์จ่าคลั่งกราดยิงกลางเมืองนครราชสีมา โดยตนก็ได้สอบถามไปยังนายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้ทราบว่า เวลานี้การจ่ายเงินเยียวยามีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยมีผู้เสียชีวิต 30 ราย ช่วยเหลือเยียวยาไปแล้ว 27 รายเป็นเงิน 2,940,000 บาท งดจ่าย1 ราย คือ จ.ส.อ.จักรพันธ์ถมมา(ผู้ก่อเหตุ) และชะลอ 2 ราย ระหว่างรอผลการสอบสวนคือ(พ.อ.อนันต์โรจน์กระแส ผู้บังคับบัญชา และ นางอนงค์ มิตรจันทร์ แม่ยาย) ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 68 รายพิจารณาให้ความช่วยเหลือแล้ว 55 ราย แบ่งเป็นอนุมัติเยียวยาแล้ว 47 รายเป็นเงิน 1,433,586.50 บาท งดจ่าย 8 ราย เพราะไม่เข้าเกณฑ์ตามกฏหมายและอยู่ระหว่างรวบรวมเอกสาร 13 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้นในการช่วยเหลือเหยื่ออาญาทั้งเสียชีวิตและบาดเจ็บ 4,373,586.50 บาท

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในประเด็นที่ 2 นายกรัฐมนตรี ยังสั่งการให้เดินหน้าในการตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติด โดยขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ปปส. /ตำรวจ /สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. /สรรพากร/กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ/และอัยการ ได้บูรณาการภายใต้แนวทางของกระทรวงยุติธรรม ที่ได้มอบหมายไว้ เพื่อขยายผลการปราบปรามยาเสพติดไปสู่การยึดทรัพย์นายทุนและเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี ยังมีมติแต่งตั้งพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ขึ้นดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ รวมถึง นายสมศักดิ์ ยังได้เสนอต่อที่ประคณะรัฐมนตรีว่า บริษัทประกันภัยที่มีมูลค่าประกันภัยกว่า 200,000 ล้านบาทต่อปีควรช่วยเหลือสังคม เนื่องจากมาตรการเคอร์ฟิวทำให้ประชาชนอาศัยอยู่กับบ้านอุบัติเหตุทางรถยนต์บนท้องถนนก็ลดลงการเจ็บป่วยน้อยลงบริษัทประกันควรคืนส่วนหนึ่งของเบี้ยประกัน เพื่อช่วยสังคมอีกทาง จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ให้หน่วยงานที่ดูแลไปประชุมหารือและดำเนินการให้เหมาะสม