บิ๊กแดง สั่งทำแนวกันตลิ่งแม่น้ำโก-ลก หวั่นเปลี่ยนเขตแดน

พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ประชุมผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนช์ กับผู้บังคับหน่วยทั่วประเทศ โดยกล่าวถึงการปฏิบัติงานของกองทัพบกที่สนับสนุนนโยบายรัฐในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในหลายๆ ภารกิจ 

โดยล่าสุด นายกรัฐมนตรี ได้ฝากขอบคุณกองทัพบก โดยเฉพาะศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ของกองทัพบก กรมแพทย์ทหารบก และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่ร่วมกับภาคเอกชนจัดสร้างหอผู้ป่วยความดันลบด้วยระบบ Fresh Air 100% ตามมาตรฐาน WHO สามารถรองรับผู้ป่วยโควิดได้จำนวนมาก เป็นแห่งแรกของประเทศไทย โดยดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อผ่านสถานการณ์โควิดไปแล้ว ยังสามารถนำมาใช้เป็นหอผู้ป่วยปลอดเชื้อในการรักษากำลังพลและครอบครัว ตลอดจนประชาชนต่อไปได้ ที่ประชุม ยังมีการรายงานถึงความคืบหน้าการอำนวยความสะดวกสำหรับการเดินทางกลับของคนไทย ณ จุดผ่านแดนถาวร ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน มีคนไทยเดินทางกลับเข้าประเทศแล้ว 2,005 คน และเข้าสู่กระบวนการคัดกรองทางด้านสาธารณสุข สำหรับในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 

ซึ่งผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้ กองทัพภาคที่ 4 ดำเนินการติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างตามแนวชายแดนตามช่องทางธรรมชาติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าตรวจในเวลากลางคืนและขณะนี้ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้ ขอให้กองทัพภาคที่ 4 พิจารณาสร้างแนวป้องกันตลิ่งด้วยวัสดุจากธรรมชาติตลอดแนวแม่น้ำสุไหงโก-ลก เพื่อป้องกันการทรุดตัวของตลิ่ง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแนวเขตแดนในอนาคตได้พลเอก อภิรัชต์ ยังให้ความสำคัญกับโครงการสมัครใจอยู่ต่อของทหารกองประจำการ ที่จะปลดฯสิ้นเดือนเมษายนนี้ โดยขณะนี้มียอดผู้สมัครเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมแสดงความห่วงใยถึงทหารที่จะปลดฯ ว่า จะมีงานรองรับหรือไม่ โดยกำชับให้ผู้บังคับหน่วยได้มีพูดคุยแนะนำในเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาปรับปรุงระบบการคัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นข้าราชการทหาร โดยให้ความสำคัญกับบุคคลที่มีพื้นฐานที่เคยผ่านระบบการตรวจเลือกทหาร หรือระบบกำลังสำรองมาก่อน โดยเฉพาะการรับสมัครนักเรียนนายสิบและนายทหารชั้นประทวน ที่กองทัพบกกำลังพิจารณาปรับระบบให้มีการรับสมัครจากผู้ที่เคยเป็นทหารกองประจำการมาก่อนเป็นสำคัญผู้บัญชาการทหารบก ได้ย้ำถึงการดำรงตนเป็นผู้บังคับหน่วยที่ดี มีการพัฒนาตนเอง ทั้งความรู้ ภาษาอังกฤษ สมรรถภาพร่างกาย และการบริหารจัดการหน่วยตามหลักนิยม 

โดยเฉพาะการบริหารจัดการกำลังพล เน้นการให้ความสำคัญกับบทบาทหน้าที่ของนายทหารชั้นประทวน และทหารกองประจำการ ถือว่าเป็นกำลังหลักที่ขับเคลื่อนในการปฏิบัติภารกิจให้บรรลุตามนโยบายของกองทัพบก