สุรเชษฐ์ เตือน คนไทย ระวังค่าโง่ก้อนใหม่!

จากกรณีบริษัททางด่วนและรถไฟกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เรียกร้องค่าชดเชยกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการประกาศพรก.ฉุกเฉินของรัฐบาลเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยอ้างจากเหตุสุดวิสัยตามนิติกรรมสัญญาข้อที่18.1และ18.2 ที่เห็นชอบโดย มติครม.ให้ต่ออายุสัมปทานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาต่อกรณีดังกล่าว นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ระบุว่า ส่วนตัวเห็นว่าก่อนที่รัฐบาลจะอนุมัติต่ออายุสัมปทานในช่วงคาบลูกคาบดอกนั้น ตนและส.ส.ในพรรค เห็นว่าไม่มีอำนาจรัฐจึงไม่ทราบรายละเอียดของสัญญาฉบับแก้ไข 
อย่างไรก็ตามยืนยันว่าสัญญาดังกล่าวนั้นไม่เหมาะสม เพราะสัญญาทุกฉบับที่ผ่านมา คนร่างคือฝ่ายเอกชน ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐก็ไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของชาติอย่างเต็มที่ ดังตัวอย่างที่ผ่านมาก็จะเห็นว่าเมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้นฝ่ายรัฐบาลก็เป็นฝ่ายแพ้และเสียประโยชน์ทุกครั้งไป 

จึงเป็นเหตุให้เกิดการคัดค้านอายุสัมปทาน นายสุรเชษฐ์ยังกล่าวอีกว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ยังคงยืดเยื้อจนกระทั้งปลายปี อย่างไรก็ดี ส่วนตัวเห็นว่าถ้าในวันนั้นรัฐบาลเลือกที่จะไม่ต่ออายุสัมปทาน วันนี้ก็จะไม่เกิดปัญหาเช่นนี้ และยอมรับว่าสถานการณ์ไม่ได้ย่ำแย่เช่นอีกหลายประเทศ แต่ก็คงยังไม่กลับสู่ภาวะภายในปีนี้อย่างแน่นอน
สำหรับในส่วนของสัญญาฉบับใหม่ ส่วนตัวคิดว่า คล้ายกับสัญญาของเก่าแต่เพิ่มกรณีเกิดเหตุสุดวิสัยซึ่งต้องอาศัยการตีความอย่างละเอียดอ่อน แต่ถ้าใช้สามัญสำนึกทั่วไปทุกคนก็ต่างเดือดร้อนเช่นเดียวกันหมด แต่การเลือกที่จะแก้สัญญาลักษณะนี้ ส่วนตัวมองว่าเหมือนว่าเป็นเด็กช่างฟ้อง และการกระทำดังกล่าวไม่ต่างอะไรกับการที่BEM พยายามดึงผลประโยชน์จากรัฐบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเศร้าสำหรับประเทศไทย อีกทั้งยังเตือนคนไทยให้ระวังค่าโง่ก้อนใหม่