เจาะข่าว..."นวัตกรรม" ป้องกันโควิด-19
ในภาวะที่เครื่องช่วยหายใจขาดแคลน คณะนักวิจัยจากหลายสถาบัน รวมทั้งทีมเทคนิคของเมอร์เซเดส ได้จับมือกันพัฒนาเครื่องอัดอากาศ ที่ใช้ช่วยผู้ป่วยโควิด-19 ขณะที่อิตาลีกับเบลเยียม หันไปใช้หน้ากากดำน้ำตื้นมาประยุกต์ด้วยการใส่วาล์ว 3D เพื่อช่วยไม่ให้ปอดของผู้ป่วยอยู่ในภาวะ "ล้มเหลว"
คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน หรือ UCL รวมทั้งวิศวกรกับแพทย์ ได้จับมือกับทีมเทคนิคของเมอร์เซเดส ฟอร์มูลา วัน พัฒนา "เครื่องอัดอากาศแรงดันบวกชนิดต่อเนื่อง" หรือ CPAP ที่จะส่งอ๊อกซิเจนเข้าสู่ปอดทั้งสองข้างของผู้ป่วย โดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจหรือวางยาสลบ โดยหลังจากประสบความสำเร็จในการทดสอบแล้ว เครื่อง CPAP ก็พร้อมจะถูกแจกจ่ายไปตามโรงพยาบาลในระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ หรือ NHS ที่กำลังรับมือกับผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งเมอร์เซเดสมั่นใจว่า จะสามารถผลิตได้วันละ 1,000 เครื่อง ส่วนการออกแบบใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ โดยโมดิฟายและปรับปรุงจากแบบเดิมที่มีอยู่
บุคลากรการแพทย์ของอิตาลี ได้หันไปใช้หน้ากากดำน้ำตื้น (Decathlon snorkelling)แทนเครื่องช่วยหายใจชนิดแรงดัน 2 ระดับ (BiPAP) เพื่อไม่ให้ปอดของผู้ป่วยโควิด-19 ล้มเหลว โดยติดวาล์วที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์ 3D ไว้กับส่วนบนของหน้ากากที่คลุมใบหน้า และเชื่อมต่อกับเครื่องช่วยหายใจ เพื่อส่งอากาศผ่านแรงดันเข้าไปยังหน้ากาก
โรงพยาบาลอีราสเม ในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม ก็ได้ทดสอบการใช้หน้ากากแบบนี้ที่ได้รับบริจาคมาจาก "ดีแคทลอน" ผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬายักษ์ใหญ่สัญชาติฝรั่งเศส ส่วนส่วนวาล์ว 3D ผลิตโดยจาก "เอ็นโด ทูลส์ เธอราพิวติกส์" ซึ่ง "เฟเดอริค บอนนิเออร์" นักบำบัดระบบทางเดินหายใจ ที่ช่วยออกแบบวาล์วบอกว่า หน้ากากดำน้ำเหล่านี้ ถูกพัฒนามาเป็นเครื่องช่วยหายใจสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาในระบบทางเดินหายใจขั้นรุนแรง"
สำหรับความแตกต่างระหว่างเครื่อง BiPAP กับเครื่อง CPAP นั้น แพทย์ผู้ใช้งานระบุว่า ปกติอุปกรณ์ทั้งสองชนิดถูกใช้ในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แต่เครื่อง BiPAP จะมีระดับความดัน 2 ระดับ ทั้งหายใจเข้าและออก ต่างจาก CPAP มีที่มีความดันระดับเดียว และ BiPAP เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมาก ส่วนใหญ่เป็นการหยุดหายใจขณะหลับ ที่เกิดจากการสั่งการผิดปกติของสมอง (Central Apnea)